ห้องเรียนคอมพิวเตอร์
ความหมายของคอมพิวเตอร์
1. สามารถบันทึกข้อมูลต่างต่าง ได้รวดเร็ว เช่น การใช้เครื่องอ่านรหัสเเท่ง ( BAR – CODE ) 2. สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมาก ไว้ในฐานข้อมูล ( DATABAST ) เพื่อใช้งานได้ทันที 3. สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณทางสถิติ แยกประเภท จัดกลุ่มทำรายงานลักษณะต่างต่างได้โดยระบบประ มวลผลข้อมูล 4. สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็วโดยอาศัยเทคโนโลยีสื่อสารข้อมูล 5. สามารถจัดทำเอกสารต่างต่าง ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยระบบประมวลผล 6. การนำมาใช้ทั้งด้านศึกษาเเละการวิจัย 7. การใช้ธุรกิจ การเงิน ธนาคาร เช่น นำคอมพิวเตอร์มาใช้กับงานบัญชี งานการเงิน จองตั๋วเครื่องบิน รถไฟ
1 สามาถรบันขอ้มูลได้รวดเร็วเช่นการใช้เครื่องอ่านรหัสแท่ง 2 สามาถรเก็บข้อมูลได้มาก 3 สามาถรนำข้อมูที่เก็บไว้มาสถิติแยกประเภท 4 สามาถรส้งข้อมูลจากที่หนิํงไปอยังที่หนิํงสามาถรจัดเอกกระสารไดรวดเร็ว
1. สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ ได้รวดเร็ว 2.สามรถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆไว้ในฐานข้อมูลเพื่อใช้งานได้ทันที 3. สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวนทางสถิติแยกประเภทจัดกลุ่มทำรายงานลักษณะต่างๆได้โดยระบบประมวลผลข้อมูล 4. สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว 5. สามารถจัดทำเอกสารต่างๆได้อย่างรวดเร็ว 6. การนำมาใช้ในงานทั้งด้านศึกษา การวิจัย 7. การใช้ธุรกิจงานการเงิน ธนาคาร และงานของภาครัฐต่างๆ
1.สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆได้รวดเร็ว 2.สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆไว้ในฐานข้อเพื่อใช้งานได้ทันที 3.สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวนทางถิติ 4.สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว 5.สามารถจัดทำเอกสารต่างๆได้รวดเร็ว 6.การทำมาใช้งานทั้งด้านการศึกษา 7.การใช้งานธุรกิจงานการเงิน
1.สามารถบันทึกข้อมูลต่างต่าง ได้รวดเร็ว 2.สามารถเก็บข้อมูลจำนวณมากมาก ไว้ในฐานข้อมูลเพื่อใช้งานได้ทันที่ 3.สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณสถิติ แยกประเภทจัดกลุ่มทำรายงานลักษณะต่างต่าง 4.สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว 5.สามารถจัดทำเอกสารต่างต่าง ได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบประมวณผลคำ 6.การนำมาใช้งานทั่งด้านการศึกษา การวิจัย 7.การใช้งานธุรกิจ งานการเงิน ธนาคาร และงานของภาครัฐต่างต่าง
1 สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆได้รวดเร็ว 2 สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆไว้ในพื้นฐานข้อมูลเพื่อใช้งานได้ทันที่ 3 สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวนทางสถิติแยกประเภทจัดกล่มทำรายงานลักษณ์ต่างๆ 4 สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว 5 สามารถจัดเอาเอกสารต่างได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบประมุผลคำ 6 การนำมาใช้ทั้งด้านการศึกษาการวิจัย 7 การใช้งานธุรกิจ งานกานเงิน ธนาคารและงานของภาครัฐต่างๆ
1. สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆได้อย่างรวดเร็ว 2.สามารถเก็บข้อมูลมากๆไว้ในฐานข้อมูล(Database)เพื่อใช้งานได้ทันที 3.สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณทางสถิติ 4.สามารถส่งข้มูลจากที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว 5.สามารถจัดเอกสารต่างๆด้อย่างรวดเร็ว 6.การนำมาใช้งาน ทั้งด้านการศึกษา การวิจัย 7การใช้งานด้านธุรกิจ งานการเงิน ธนาคาร และงานของภาครัฐต่างๆ
1. สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากไว้ใน(Database)เพื่อใช้งานได้ทันที 2. สามารถบันทึกข้อมุลต่างๆได้รวดเร็วเช่นการเครื่องอ่านรหัสแท่ง(Bar-code)อ่านเวลาเข้าออก ของพนักงาน 3. สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวนทางสถิติแยกประเภทจัดกลุ่มทำรายงาน ลักษณะต่างๆได้(Data Processing) 4. สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว โดยอาศัย เทคโนโลยีสื่อสารข้อมูล(Data communicataion 5. การนำมาใช้งานทั้งด้านการศึกษา การวิจัย
1. สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆได้รวดเร็ว เช่น การใช้เครื่องอ่านรหัสแท่ง (Bar-code) 2. สามารถเก็บข้อจํานวนมากๆไว้ในฐานข้อมูล(Database)เพื่อใช้งานได้ทันที 3. สามารถนําข้อมูลที่เก็บไว้มาคํานวนทางสถิติแยกประเภท จัดกลุ่ม ทํารายงานลักษณะต่างๆ 4. สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว 5. สามารถจัดมําเอกสารต่างๆได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบประมวลผลคํา(Word poressing) 6. การนํามาใช้งานทั้งด้านการศึกษา การวิจัย 7. การใช้งานธุรกิจการเงิน ธนาคารและงานของภาครัฐ
เหตุผลที่นำ คอมพิวเตอร์มาใช้งาน 1. สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆได้รวดเร็ว 2. สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆไว้ให้ฐานข้อมูลเมื่อใช้ได้ทันที 3. สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณทางสถิติเเยกประเภทจัดกลุ่ม ทำรายงานลักษณะต่างๆได้ 4. สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว 5. สามารถจัดทำเอกสารต่างๆได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบประมวลผล 6. การนำมาใช้ทั้งด้านการศึกษาการวิจัย 7. การใช้งานธุรกิจงานการเงินธนาเเละงานของภาครัฐต่างๆ
1. การต่อเครื่องพิ์มพ์ การเชื่อยมต่ออุปการ์ณ์พ่วงคอมพิวเตอร์อาจจะเเบ่งได้หลายกรณีด้วยกัน
1. สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆได้รวดเร็ว เช่นการไช้เคื่องอ่านรหัสแท่ง(Bar-code) 2. สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆไว้ในฐานข้อมูล(Database) 3. สามานำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณทางสถิติ 4. สามาส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่ารวดเร็ว 5. สามารถจัดทำเอกสารต่างๆได้อย่างรวดเร็วด่วยระบบประมวลผลคำ 6.การนำมาใช้ทั้งด้านศึกษาและการวิจัย 7.การใช้ธุรกิจการเงินธนาคาร
1สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆได้รวดเร็ว 2สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆไว้ในฐาน 3สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวน 4สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง 5สามารถทำเอกสารต่างๆ 6การนำมาใช้งานทั้งด้านการศึกษา การวิจัย 7การใช้งานธุรกิจงานการเงิน ธนาคาร
1. สามารถบันทึกข้อมุลต่างๆได้รวดเร็วเช่นการเครื่องอ่านรหัสแท่ง(Bar-code)อ่านเวลาเข้าออก ของพนักงาน 2. สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว โดยอาศัย เทคโนโลยีสื่อสารข้อมูล(Data communicataio) 3. การนำมาใช้งานทั้งด้านการศึกษา การวิจัย
1.สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ 2.สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆ 3.สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณทางสถิติ 4.สามารถ่งข้อมูลจากที่หนึ่ง 5.สามารถจัดทำเอกสารต่างๆได้รวดเร็ว 6.การทำมาใช้งานทางด้านการศึกษา การวิจัย 7.การใช้งานธุรกิจ งานการเงิน
1.สามารถบันทึกการใช้เครื่องรหัสแท่ง
1.สามาถบันทึกข้อมูลต่างๆได้รวจเร็ว เช่นการใช้เครื่องอ่านรหสแท่ง(Bap-Cade) 2.สามารถเก็บข้อมูลไว้ใน(Datase) 3.สามารถนําข้อมูลเก็บไว้ใน(DataProcess) 4.สามารถส่งข้อมูลต่างๆโดยเทคโนโลยีสือสารข้อมูล(Datacommunication) 5.สามารถจัดทําเอกสารต่างๆด้วยระบบ(WordProcessing) 6.การนํามาใช้งานทั้งด้านการศึกษาการวิจัย 7.การใช้งานการเงินะนาคารและงนาบัญชีงานเอกสารงานการเงินตั๋วเครื่องบิน รถไฟ
1. สามารถนำข้อมูลต่างๆได้รวดดเร็วเช่นการใช้เครื่องรหัสแทง(bar code) อ่านแล้วเข้าออกของหนังและราคาสินคา 2.สามารถเก็บขอ้มูลจำนวนมาก 3.สามารถนำข้อมูลที่เก้บไว้มาคำนวณทางสถิติ
.
1.สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆได้รวดเร็วเช่นการใช้เครื่องอ่านรหัสแท่ง(bar-cobe) 2.สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆไว้ในฐานข้อมูล(Pata Base) เพื่อใช้งานได้ทันที 3.สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวนทางสถิติประเภทจัดกลุ่ม ทำรายงานต่างๆ 4.สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว 5.สามารถจัดทำเอกสารต่างๆได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบประมวลคำ(Worb processing) 6.การนำมาใช้ในงานทั้งด้านศึกษา การวิจัย 7.การใช้ธุรกิจงานการเงิน ธนาคาร และงานของภาครัฐต่างๆ
1.สามารถบันทึกการใช้เครื่องรหัสแท่ง(Ba-cade) 2.สามารถเก็บข้อมูลไว้ใน(Datase) 3.สามารถนำข้อมูลเก็บไว้ใน(Dataseprocess) 4.สามารถส่งข้อมูลต่างๆโดยเทคโนโลยีสื่อสารข้อ(Datacommuication) 5.สามารถจัดทำเอกสารต่างๆด้วยระบบ(Wordrocessing) 6.การนำมาใช้งานทั้งด้านการศึกษาการวิจัย 7.การใช้งานการเงินธนาคารและงานบัญชีงานเอกสารงานการเงินตั่วเครื่องบินรถไฟ
1. การนำมาใช้งานทั้งด้านการวิจัย 2. สามารถเก็บข้อมูล( Data proe) 3. สามารถนำข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็วโดยอาศัยเทคโนโณยีสานขอ้มูล(Datacommunication)
1. สามารถได้นําข้อมูลต่างรวดเร้วเช่นกานใช้เครืองรัสแทน 2. สามารถสงข้อมุลจํานวนมากๆไว้ในฐางข้ลมูล 3. สามารถนําข้อมูลที่เก็บไว้มาคํานวนทางสกิติแยงประเภท 4. สามารถส่งข้อมูลต่างๆจางที่หนึ่งไปยังอีกได้อย่า
1. สามารถบันทึกมูลต่างๆได้รวดเร็วเช่นการเครื่องอ่านรหัสแท่ง(Bar-code)อ่านเวลาเข้าออก 2. สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากไว้ในฐานข้อมูล(Data base)เพื่อใช้งานได้ทันที 3. การนำมาใช้งานทั้งด้านการศึกษาการวิจัด
1.การนํามาใช้งานทั้งด้านการศึกษาการวิใจ 2.สามาถเก็บข้อมูล(DATAPVOSE) 3.สามารถนําข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อยางรวดเร็วโดยอาศํัยเท็กโนโลยีสานข้อมูล(DATACOMMUNication)
1.สามารถบันข้อความได้อย่างรวดเร็ว 2.สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากไว้ได้ 3.สามารถเก็บข้อมูลไว้คำนวน ทางสถิติ 4.สามารถส่งข้อจากที่หนึ่ง ไปอีกที่หนึ่งได้ 5.สามารถทำเอกสารได้ 6.การนำมาไช้งานทั้งด้านการศึกษา การวิจัย 7.การไช้งานธุรกิจงานธนาคาร 8.การงานคุมระบบอัตโนมัติได้ 9การไช้เพื่อการวิเคราะห์ได้ 10.การไช้คอมพิวเตอร์เพื่อจำรองได้ 11.การไช้คอมพิวเตอร์นันทนาการได้ 12.การไช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับเทคโนโรยีได้.
1.สามารถบันทึกข้อความต่างๆ 2.สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากไว้ไนฐาน(Datadase) 3.สามารถเก็บข้อไว้คำนวนทางสถิติ
1การนำมาใช้งานทั้งดานการศึกษาการวิใจ 2สามารถเก็บข้อมูล(DATAPVOSE)
1.สามารถบันทึกข้อมูล 2.สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมาก 3.สามารถนำข้อมูลเก็บไว้มาคำนวณ 4สามารถส่งข้อมูลที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่ง 5.สามารถจัดทำเอกสาร 6.การนำมาใช้งานทางด้านศึกษา 7.การใช้งานธุรกิจ 8.การควบคุมระบบอัตโนมัติ 9.การใช้งานวิเคราะห์ 10.การใช้คอมพิวเตอร์เพื่ิอจำลอง 11.การใช้คอมพิวเตอร์นันทนาการ 12.การใช้คอมพิวเตอร์รวมกับเทคโนโลยี
1สามารถบันทึกข้อมูลจํต่างๆได้รวดเร็วเช่นการใช้เครื่องอ่านรหัสแท่ง 2สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆ ใว้ในฐานข้อมูล 3สามารถนำข้อมู ที่เก็บไว้ มาคำนวนทางสถิติแยกประเภทจัดกลุ่ม ทำรายงาน 4สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่ง ไปยังที่หนึ่งได้รวดเร็ด 5สามารถจัดทำเอกสารต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว 6ก่รนำมาใช้งานทั้งด้านการศึกษา การวิจัย 7การใช้งานธุรกิจ งานการเงิน ธนาคาร 8การควบคุมระบบอัตโนมัติต่างๆ 9การใช้งานเพื่องานวิเคราะต่างๆ 10การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อจำลอง 11การใช้คอมพิวเตอร์นันทนาการ 12ใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับเทศโลยีล้ำสมัย
1.สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆได้รวดเร็วเช่นการใช้เครื่องอ่านรหัสแท่ง 12.การใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับเทคโนโลยี
2.สามารถเก็บข้อมูลจำนนวนมากๆ . 3. สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณทางสถิติ 4.สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว 5.สามารถจัดทำเอสสารต่างๆได้อย่างรวดเร็ว 6.การนำมาใช่งานทั่งด้านการศึกษาการวิจัย 7.กานำมาใช้งานธุรกิจงานการเงินธนาคาร 8.การควบคุมระบบอัตโนมัติต่างๆ 9.การใช้เพื่่งานวิเคราะห์ต่างๆ 10.การให้คอมพิวเตอร์เพื่อจำลองรูปแบบ 11.การใช้คอมพิวเตอร์นันทนาการ
1 สามารถบันทึกข้อความต่างๆได้อย่างรวดเร็ว 2 สามารถเก็บข้อมูลจํานวนมากๆได้ 3 สามารถนําข้อมูลที่เก็บไว้มาคํานวนทางสถิติ 11 การใช้คอมพิวเตอร์นันทนาการ
4 สามารถส่งข้อมูลที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง 12การใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับเทคโนโลยี 5 สามารถเก็บเอกสารต่างๆได้ 6 การนํามาใชงานทางด้านศึกศาและวิจัย 7 การใช้งานธุรกิจ 8 การควบคมระบบอัติโนมัติ 9 การใช้เพื่อวิเคราะต่างๆ 10 การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อจําลองรุปเเบบต่างๆ
1.สามารถทึข้อมูลต่างๆ 2.สามารถเก็บข้อ 3.สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณ 4.สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง 5.สามารถจัดทำเอกสารต่างๆ 6.การนำมาใช้งานทั้งด้านการศึกษาวิจัย 7.การใช้งานการเงินธนาคารรัฐต่างๆ 8.การควบคุมระบอัตโนมัติ 9.การใช้เพื่องานวิเคราะห์ต่างๆ 10.การใช้ คอมพิวเตอร์ 11.การใช้คอมพิวเตอร์นันทนาการ
เหตุผลที่นำคอมพิวเตอร์มาใช้งาน 1.สามารถบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ได้รวดเร็ว เช่น การใช้เครื่องอ่านรหัสแท่ง 2.สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมาก ๆ ไว้ในฐานข้อมูล เพื่อใช้งานได้ทันที 3.สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณทางสถิติ แยกประเภท จัดกลุ่ม ทำรายงานลักษณะต่างๆได้ 4.สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว 5.สามารถจัดทำเอกสารต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว 6.การนำมาใช้งานทั้งด้านการศึกษา การวิจัย 7.การใช้งานธุรกิจ งานการเงิน ธนาคาร และงานของภาครัฐต่างๆ เช่น การจองตั๋วเครื่องบิน รถไฟ 8.การควบคุมระบบอัตโนมัติต่างๆ เช่น ระบบจราจร 9.การใช้เพื่องานวิเคราะห์ต่างๆ 10.การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อจำลองรูปแบบ เช่น การจำลองโมเลกุล 11.การใช้คอมพิวเตอร์นันทนาการ เช่น การเล่นเกม 12.การใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับเทคโนโลยีลํ้าสมัยอื่นๆ
1 สามารถบันทึกข้อมุูลต่างๆได้รวดเร็วเช่นการใช้เครื่อง 2 สามารถเก็บข้อมูลจ่านวนมากๆไว้ในฐข้อมูลเพื่อใช้งาน 3สามารกน้าข้อมูลเก็บมาคำนวนทางสถิติ 4 สามารถส่งข้อมูลที่หนึ่งยังอีกหนึ่ง5สามารถจัดเอกสาร6การมาใช้งาน7การใช้งาน8ควบคุมระบบ9ใช้อ่านวิเคราะ 10 กานให้คอมพิวเตอร์11กานใช้คอมพิวเตอร์ทนาการ 12 ตารใช้คอมพิวเตอร์รว่มเทคโนโลยี
1.สามารถบันทึกข้อมูล 2.สามารถเก็บข้อมูล 3.สามารถนำข้อมูลมาคำนวณ 4.สามารถส่งข้อมูล 5.สามารถจัดเอกสาร 6.การนำมาใช้งาน 7.การใช้งานธุรกิจ 8.การควบคุม 9.การใช้งานวิเคราะห์ 10.การใช้คอมพิวเตอร์ 11.การใช้คอมพิวเตอร์นันทนาการ 12.การใช้คอมพิวเตออร์ร่วมกับเทคโนโลยี
ให้นักเรียนบอกความหมายของคอมพิวเตอร์ มา
คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องคำนวณ ในรูปของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถรับข้อมูล และคำสั่ง ผ่านอุปกรณ์รับข้อมูล แล้วนำข้อมูลและคำสั่งนั้น ไปประมวลผลด้วยหน่วยประมวลผลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ และแสดงผลผ่านอุปกรณ์แสดงผล
คอมพิวเตอร์ก็มีความหมายที่ชัดเจนในตัวของมันคื่อเครื่องคํานวณในรูปของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องคำนวน ในรูปของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถรับข้อมูลและคำสั่งผ่านอุปกรณ์รับข้อมูลแล้วนำข้อมูลและคำสั่งนั้นไปประมวลผลด้วยหน่วยประมวลผลให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
คอมพิวเตอร์คือเครื่งคำนวนในรูปของอุปกรณ์อิเล๊กทรอนิกส์ที่สามารถรับข้อมูลและคำสั่งผ่านอุปกรณ์รับข้อมูลและนำข้อมูลและคำสั่งนั้นไปประมวลผลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
คอมพิวเตอร์มีหลายลักษณะใช้งานได้รวดเร็ว ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้วสามารถพกพาได้สะดวก
คอมพิวเตอร์ มีหลายลักษณะ เช่น คอมพิวเตอร์เบนเฟรม หรือซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็มีความหมายชัดเจนในตัวของมันเอง
คอมพิวเตอร์คือเครื่งคำนวนในรูปของอุปกรณ์อิเล๊กทรอนิกส์ที่สามารถรับข้อมูลและคำสั่งผ่านอุปกรณ์รับข้อมูลและนำข้อมูลและคำสั่งนั้นไปประมวลผลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการและแสดงผ่านอุปกรณ์แสดงผล
1.สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ รวดเร็ว 2.สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากได้ 3.สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาแยกประเภทได้ 4.สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้เร็ว 5.สามารถจัดเอกสารต่างๆได้เร็ว
คอมพิวเตอร์ จึงสามารถมีรูปร่างอย่างไรก็ได้ไม่จำเป็นรูปร่างอย่างที่เราคุ้นเคยหรือที่เราพบเห้น
คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่งคำนวณ ในรูปของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถรับข้อมูล และคำสั่ง ผ่านอุปกรณ์รับข้อมูล แล้วนำข้อมูลและคำสั่งนั้น ไปประมวลผลด้วยหน่วยประมวลผลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ และแสดงผลผ่านอุปกรณ์แสดงผล
คอมพิวเตอร์คือเครื่งคำนวนในรูปของอุปกรณ์อิเล๊กทรอนิกส์ที่สามารถรับข้อมูลและคำสั่งผ่านอุปกรณ์รับข้อมูลและนำข้อมูลและคำสั่งนั้นไปประมวลผล
คอมพิวเตอร์คือเครื่องคำนวนในรูปอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารับข้อมูลและคำสั่งผ่านอุปกรณ์รับข้อมูลและนำข้อมูลและคำสั่งนั้นไปประมวนผล
คอมพิวเตอร์หมายถึง เครื่องคำนวนในรูปเเบบอุปกรณ์อิเล็กทรนิกส์
คอมพิวเตอร์มีความหมายหลายอย่างเช่น การนำมาใช้เป็นการวิจัย และอื่นๆดั่งนั้นเราก็สมควรใช้ให้เป็นประโยชน์
คอมพิวเตอร์สามารถให้ความรู้ได้หลายอย่าง
คอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะ หลายรูปแบบแต่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตามก็สามารถใช้ได้ทุกรูปแบบและคอมพิวเตอร์เก็บข้อมูลได้ดี
คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องคำนวณ ในรูปของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถรับข้อมูลและคำสั่งผ่านนอุปกรณ์รับข้อมูลแล้วนำข้อมูลและคำสั่งนั้นไปประมวลผลด้วยหน่วยประมวลผลให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการและแสดงผลผ่านอุปกรณ์แสดงผล
1สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆรวดเร็ว. 2.สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากได้ 3.สามารถนำข้อมูลที่เก็บมาแยกประเภทได้ 4.สามารถส่งข้อมูลอีกที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ 5.สามารถจัดเอกสารต่างๆได้เร็ว
คอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะ
คอมพิวเตอร์คือเครื่งคำนวนในรูปอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
คอมพิวเตอร์ได้ความรู้มากมาย
คอมพิวเตอร์หมายถึงเครื่องประมวลผลด้วยหน่วยประมวลผลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
1.สามาถสามาสถรบันทิํ
คอมพิวเตอร์หมายถึงเครื่องประมวลผลด้วยหน่วยประมวลผลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการและแสดง
คอมพิวเตอร์คือเครื่องรับข้อมูล
ปัจจุบัน พบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะ หลากหลายรูปแบบ ทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์แบบกระเป้าหิ้ว คอมพิวเตอร์ขนาดไหญ่
คอมพิวเตอร์มีความหมายที่ชัดเจนในตัวของมันเอง คือ เครื่องคำนวณในรูปของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ปัจจุบนจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะหลากหลายรูปเเบบ ทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาคอม พิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้วไว้เพื่อใช้งาน
ปัจจุบัน พบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะ หลากหลายรูปแบบ ทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์แบบกระเป๊าหิ้ว คอมพิวเตอร์ขนาดไหญ่
ประจุบันจะพบว่าจะมีคอมพิวหลายรูปเเบบเช่นตู้ATMก็เป็นคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่งเหมือนกัน
คอมพิวเตอร์คือ เครื่องคอมที่ใช้ทำงานต่างๆ มีหลาลักษณะ
คอมพิวเตอร์มีความหมายที่ชัดเจนในตัวของมันเอง คือ เครื่องคำนวณในรูปของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถรับข้อมูลและคำสั่ง ผ่านอุปกรณ์รับข้อมูลได้
ปัจจุบัน พบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษญะ หลากหลายรูปแบบ ทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ คอมพิ้วเตอร์แบบกระเป๊าหิ้ว คอมพิวเตอร์ขนาดไหญ่
คอมพิวเตอร์คือ เครื่องคอมที่ใช้ทำงานต่างๆ มีหลาลักษณะ เช่นแบบพกพา
คอมพิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้ว
ปัจจุบันจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะหลายรูปแบบทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาคอมพิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้วไว้ใช้งาน
ทำให้สร้างสรรค์ มีความคิด ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
คอมพิวเตอร์มีความหมายต่อมนุษย์มากมาย คอมพิวเตอร์มีหลายลักษณ์ หลายแบบ เช่น แบบพกพา แบบตั้งโต๊ะ แบบกระเป๋าหิ้ว มากมาย คอมพิวเตอร์ก็มีความหมายที่ชัดเจนในตัวของมัน
ความหมาย บทบาทและความสำคัญของคอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์ คือจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลายลักษณะและ หลายแบบ เช่น ขนาดพพกพา แบบกระเป๋าหิ้ว และอีกมากมาย
คอมพิวเตอร์มีหลายลักษณ์เเละมีหลายรูปเเบบเเละคอมพิวเตอร์ก็มีความชัดเจนในตัวเอง
ความหมายและบทบาทและความสำคัญของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์คืออะไร ปัจจุบันจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะหลากหลายรูปแบบทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้วคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ เช่นคอมพิวเตอร์เมนฟ่อม หรือซุปเปอร์คอทพิวเตอร์ แต่ไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม
คอมพิวเตอร์มีประโยชน์มากมายแก่มนุษย์ คอมพิวเตอร์ทั้งให้ความรู้แก่มนุษย์ คอมพิวเตอร์มีความคมชันเจนของมันเอง
ทําให้สร้างสรรค์มีความคิดใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
ปัจจุบันจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลายลักษณะหลากหลายรูปแบบทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาคอมพิวเตอร์แบบ ตั้งโต๊ะคอมพิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้วคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่
ทําให้สร้างสรรค์มีความคิดใช้เวลาว่างให้มีประโยชน์
คอมพิวเตอร์คือแหล่งความรู้ที่ทุกคนสามารถค้นหาความรู้ได้และเป็นเครื่องคำนวณ ในรูปของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถรับข้อมูล และคำสั่ง ผ่านอุปกรณ์รับข้อมูล แล้วนำข้อมูลและคำสั่งนั้น ไปประมวลผลด้วยหน่วยประมวลผลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ และแสดงผลผ่านอุปกรณ์แสดงผล
คอมพิวเตอร์จึงเป็นเครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ทำงานแทนมนุษย์ ในด้านการคิดคำนวณและสามารถจำข้อมูล ทั้งตัวเลขและตัวอักษรได้เพื่อการเรียกใช้งานในครั้งต่อไป นอกจากนี้ ยังสามารถจัดการกับสัญลักษณ์ได้ด้วยความเร็วสูง โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของโปรแกรม คอมพิวเตอร์ยังมีความสามารถในด้านต่างๆ อีกมาก อาทิเช่น การเปรียบเทียบทางตรรกศาสตร์ การรับส่งข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลในตัวเครื่องและสามารถประมวลผลจากข้อมูลต่างๆ ได้
——————————————————————————–
คอมพิวเตอร์ คือ เครื่องรับข้อมูล มีหลากหลายรูปแบบ เช่น แบบพกพา เป็นต้น
ตอบกลับ
คอมพิวเตอร์ใช้ในการทำงานใช้ได้หลายรูปแบบมีทั้งประโยชน์ทั้งโทษทำให้รู้เรื่องจากโลกภายนอกทันต่อเหตุกานณ์ทำให้ใช้เชื่อมต่อจากโลกอินเตอร์เน็ตคอมเข้ามีบทบาทที่สำคัญต่อสังคมมนุษย์
ความหมายของคอมพิวเตอร์คือ เป็นการจัดเก็บข้อมูลต่างๆหรือการร่วบรวมข้อมูลหรือเป็นการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันก็ได้
ปัจจุบันจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะหลากหลายรูปแบบทั้งขนาดพกพาและคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะคอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้ว คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ เช่น คอมพิวเตอร์เมนร์ฟอม หรือซุปเปอร์คอมพิวเตอร์
ปัจจุบัน จะพบว่าคอมพิวเตอร์หลากหลายรูปแบบหลากหลายลักษณะ ทัังคอมพิวเตอรืขนาดพกพา คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะคอมพิวเติร์แบบกระเป๋าหิ้ว และคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่คอมพิวเตอร์มีความหมายที่ชัดเจน คือ การคำนวณในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถรับข้อมูล และคำส่งผ่านอุปกรณ์รบข้อมูลแล้วนำข้อมูลและคำสั่งนั้นไปประมวลผลด้วยหน่วยประมวลผลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
ปัจจุบันจะพบว่าคอมพิวเตอร์ จะมีหลากหลายรูปแบบ หลากหลายลักษณะ ทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะคอมพิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้ว และคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตามคอมพิวเตอร์ก็มีความหมายที่ชัดเจนคือ คือ คำนวณในรูปของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถรับข้อมูล และคำสั่งผ่านอุปกรณ์รับข้อมูลแล้วนำข้อมูลและคำสั่งนั้น ไปประมวลด้วยหน่วยประมวลผล
ปัจจุบัน พบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะ หลากหลายรูปแบบ ทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้ว คอมพิวเตอร์ขนาดไหญ่
คอมพิวเตอร์คือ เครื่องรับข้อมูล เป็นการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ และการรวบรวมข้มูลในชีวิตประจำวัน
คอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะ ทั้งคอมพิวเตอร์พกพา เช่น คอมพิวเตอร์เมนฟรูม
ความหมายที่ชัดเจนตัวมันเองคือเครื่องคํานวณในรูปเเบบของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
คอมพิวเตอร์คือ เครื่องคำนวน ในรูปของอุปกร์ณอิเล็กทรนิกส์ ที่สามารถรับข้อมูลและคำสั่งผ่านอุปกรณ์รับข้อมูล
คอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะ ทั้งคอมพิวเตอร์พกพา คอมพิวเตอร์เมนฟรูม
คอมพิวเตอร์ คือ เครื่องรับข้อมูลต่างๆ และการใช้งานต่างๆเพื่อให้เด็กๆรับความรู้ข่าวสารต่างๆ และมีประโยชน์ต่อมนุษย์อีกต้องมากมาย แต่ก็มีข้อเสียอีกด้วย เช่น เด็กวัยรุ่นจะเข้าเล่นเกมส์ และเข่าแชทคุยกับ หนุ่มๆ สาวๆ ส่วนมากที่จะมีการเสี่ยงอันตราย ต่อสาวๆ
เครื่อง พิมพ์เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อทำหน้าที่ในการแปลผลลัพธ์
การจัดแบ่งประเภทเครื่องคอมพิวเตอร์อาจจะแบ่งได้หลายกรณีด้วยกันแต่ในที่นี้จะอาศัย
เครื่อง พิมพ์เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์
ปัจุบันจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลามหลายลักษณะหลากหลายรูปแบบทั้งแบบพกพาแบบตั้งโต๊ะแต่ไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ตามคอมพิวเตอร์ก็รับข้อมูล และคำสั่งได้อย่าเดิม
คอมพิวเตอร์คือ เครื่องคำนวน ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถรับข้อมูล และคำสั่งผ่านอุปกรณ์รับข้อมูล
คอมพิวเตอร์คือ คอมพิวเตอร์มีหลายลักษณะ หลายแบบเช่นแบบพกพา แบบตั้งโต๊ะ แบบกระหิ้ว คอมพิวเตอร์ก็มีความหมายที่ชัดเจน
มี5ยุคคือ 1.(พ.ศ.2497-2501)ไช้หลอดสูญญากาศ 2.(พ.ศ.2502-2507)ไช้ทรานซีสเตอร์ 3.(พ.ศ.2508-2513)ไช้วงจรไอซี 4.(พ.ศ.2514-2523)ไช้วงจรLSI 5.(พ.ศ.2524- ปัจจุบัน)ไช้วงจรVLSI
คอมพิวเตอร์ใช้งานที่พบได้อย่างแพร่หลาย
ใช้กระแสไฟฟ้าจํานวนมากทําให้เครื่องมีความร้อนสูง
คอมพิวเตอร์ในยุกนี้ใช้หลอดสูญญากาศ
คอมพิวเตอร์ ในคุคที่1นี้ใช้หลอดสูญญากาศ ในยุคที่2นี้ใช้ทรานชิสเตอร์ ในยุคที่3 นี้ใช้วงจรไอซี ในยุคที่4ใช้วงจรLSI
ยุคที่1 (พ.ศ.)2497-2501)ยุคนี้ใช้หลอดดูดอากาศ(vacuumtube) ยุคที่2(พ.ศ.2502-2507)ยุคนี้ใช้ทรานซิสเตอร็์(transistor) ยุคที่3(พ.ศ.2514-2523) ยุคนี้ใช้วงจรไอซี(intagratb circuit) ยุคที่4(พ.ศ.2514-2523)ยุคนี้ใช้วงจรlsi(large-scale integrateb ciruit) ยุคที่5(พ.ศ.2524ปัจจุบัน)ยุคนี้ใช้วงจรvlst(verlarge-
คอมพิวเตอร์ ยุคที่ 1 ( พ.ศ. 2497 – 2501 ) คอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 ใช้หลอดสูญญากาศ (vacuum tube ) ใช้กระแสไฟฟ้า ยุคที่2 ( พ.ศ. 2502 – 2507 )ใช้ทรานซิสเตอร์ ใช้วงแหวนแม่เหล็ก ยุคที่ 3 ( พ. ศ.2508 – 2513 )ใช้วงจรไอซี ยุคที่ 4 (2514 – 2532) ใช้วงจร (LsI ) ใช้วงจรไอซี ยุคที่ 5 (2524 ปัจจุบัน) ใช้วงจร VLSI ไมโครโปรเซลเซอร์
ปัจจุบันจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะเช่นคอมพิวเตอร์ขนาคพกพาคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะคอมพิวเตอร์แบบหิ้วกระเป๋า
คอมพิวเตอร์มีกี่ยุคใช้อะไรในการทำงาน ยุคที่ 1.(พ.ศ.2497-2501)ยุคนี้ใช้หลอดสูญอากาศเป็นวงจรอิเล็กทรนิกส์ ยุคที่ 2.(พ.ศ.2502-2507)ยุคนี้ใช้ทรานซิสเตอร์เป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ยุคที่ 3.(พ.ศ.2508-2513)ยุคนี้ใช้วงจรไอซีเป็นกึ่งตัวนำที่สามารถบรรจุวงจรทางกรรตะไว้ ยุคที่ 4.(พ.ศ.2514-2534)ยุคนี้ใช้วงจร lsi เป็นการรวมวงจรไอซีจำนวนมาก ยุคที่ 5.(2524-) ปัจจุบันใช้วงจร vlst
คอมพิวเตอร์มีกี่ยุคและใช้อะไรในการทำงาน ยุคที่ 1 (พ.ศ. 2497- 2501) ยุคนี้ใช้หลอดสูญอากาศ ยุคที่ 2(พ.ศ. 2502- 2507) ยุคนี้ใช้ทรานซิลเตอร์ ยุคที่ 3(พ.ศ.2503- 2513 ) ยุคนี้ใช้วงจรไรไอซี ยุคที่ 4 (พ.ศ. 2514 -2523 ) ยูคนี้ใช้วงจรlsI ยุคที่5(พศ.2524-ปัจจุบัน ยุคนี้ใช้vlsI.
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
1. พกพาอย่างสะดวกและรวดเร็วหรือไม่ยุ่งยาก 2. การใช้งานธุรกิจการใช้วิเคราะห์ 3. สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมาก 4. การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อจำลองรูปแบบต่างๆ
อุปกรณ์บันทึกข้อมูลสำรอง
อุปกรณ์ที่สงขอความได้ทั่วโลก
1.ได้ศึกษาหาความรู้ 2.ได้รู้ว่าการศึกษาเป็นอยางไร 3.การเล่นคอมก็มีความรู้
1.คอมพิวเตอร์มีหลายชนิด ชนิดตั้งโต้ะและชนิดอื่นๆ 2.สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ 3.การใช้คอมพิวเตอร์จำลองรูปแบบต่างๆ 4.สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆได้
1.คอมพิวเตอร์มีหลายชนิด ชนิดตั้งโต้ะและชนิดอื่นๆ 2.สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ 3.การใช้คอมพิวเตอร์จำลองรูปแบบต่างๆ
อุปกรณ์ทีสงขอความได้ทัว้โลก
การใข้งานธุรกิจ งานการเงิน และ ธนาคาร
1.สามารถบัญทึกข้อมูลต่างๆได้ 2.การเอาคอมไปใช้ในประโยชน์ประจำวัน
การควบคุมระบบอัตโนมัติตางๆ
ปัจจุบัน จะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลายลักษณะ หลากหลายรูปแบบ ทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้ว เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่เช่นคอมพิวเตอร์แมนเฟรม หรือซุปเปอร์คอม พิวเตอร์ แต่ไม่ว่าจะเป้นแบบใดก็ตามคอมพิวเตอร์ก็มีความหมายที่ชัดเจนในตัวของมันเอง
1.ได้รู้เรื่องที่อยากรู้ 2.พบไปไหนก็สดวกสบาย 3.ได้รู้เรื่องวิชาการ 4.ใช้งานได้ดี
การใช้เเบบธุรกิจ
1.ใช้ในการทำธุรกิจต่างๆ
1.การบันทึกข้อมูลต่างๆ
ให้นักเรียนบอกลักษณะและประเภทของคอมพิวเตอร์
ปัจจุบัน จะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะ หลากหลายรูปแบบ ทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้ว คอมพิวเตอร์ขนาดไหญ่
คอมพิวเตอร์คืออะไร เครื่องจัดเก็บข้อมูลและรวบรวมข้อมูลต่างๆในชีวิตประจำวัน
คอมพิวเตอร์คือ เครืองคำนวน ในรูปแบบอิเล็กทรนิกส์ ที่สามารถรับข้อมูลและคำสั่งผ่านอุปกรณ์รับข้อมูล
ความหมายของคอมพิวเตอร์คือ เครื่องจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว สามารถจำแนกข้อมูลได้อย่างดี สามารถส่งข้อมูลที่หนึ่งไปยั้งอีกที่หนึ่ง และทำได้อีกมากมาย
คอมพิวเตอร์คือ เครื่องคำนวน ในรูปแบบของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถรับข้อมูล และคำสั่ง ผ่านอุปกรณ์รับข้อมูล
ปัจจุบันจะพบคอมพิวเตอร์มีหลายลักษณะหลายรูปแบบทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา
ปัจจุบันจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณ์ทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา
คอมพิวเตอร์คือ เราจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลายรูปแบบ หลายลักษณะ ในรูปของอุปกรณ์
อิเล็กทรอนิก์ส ที่สามารถรับข้อมูล และคำสั่ง ผ่านอุปกรณ์รับข้อมูล
ปัจจุบัน จะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะหลากหลายรูปแบบทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้ว คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่
คอมพิวเตอร์คือ ปัจจุบัน จะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลายลักษณะ หลายรูปแบบ
มี4ประเภทได้แก่ 1.Super computar 2.Mainfrane computar 3.Mini computar 4.Micro computar
การจัดแบ่งประเภทเครื่องคอมพิวเตอร์ได้หลายด้วยกันสามารถแบ่งได้4ประเภท Super computer Maintramputter Min computer Microcomptter
คอมพิวเตอร์มี 4ประเภท 1super computer 2.Mainfr ame compater 3.Mini compater 4.MiVcro compater
มี4ประเภทได้แก่ 1.Super computar 2.Mainframe computar 3.Mini computar 4.Micra computar
คอมพิวเตอร์มี 4 ประเภท คือ 1.super computer 2.mninframer computer 3.mimi comuter 4.micro comuter
การจัดแบ่งประเถทเครื่องคอมพิวเตอร์อาจจะแบ่งได้หลายกรณีด้วยกันแบ่งได้4ประเภทได้แก่ 1 SUPERGOMPUTER 2 MAINFRAMEGOMPUFER
3 MINI GOMPUT ER 4MICROGOMPUTER
คอมพิวเตอร์มี 4ประเภท 1super computer 2mainframe computer 3mini computer 4micro co mputer
คอมพิวเตอร์มี ๔ ประเภท คือ 1.super computer 2.minframe coputer 3. mini coputer 4.micro computer
คำว่า E-mail (อีเมล์) หมายถึง จดหมายอิเลคทรอนิกส์ที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันในอินเตอร์เน็ต ซึ่งก่อนที่คุณจะมีอีเมล์ใช้นั้นคุณจะต้องมี E-mail Address (ที่อยู่อีเมล์)ของตัวเองเสียก่อน ถ้าคุณใช้บริการอินเตอร์เน็ตโดยการสมัครเป็นสมาชิกโดยตรงกับ ISP (ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต) คุณก็จะได้รับแจ้งที่อยู่อีเมล์ของตัวเองตั้งแต่สมัครสมาชิกเลยแต่ถ้า ISP ไม่ได้ให้มานักเรียน ก็สามารถมีที่อยู่อีเมล์ได้โดยขอได้ฟรีจากผู้ให้บริการอีเมล์ในอินเตอร์เน็ตทั้งที่ฟรีและไม่ฟรี
คอมพิวเตอร์มี4ประเภทคือ 1.Super computar 2.Mainframe computar 3.Mini computar 4.Micra computar
ความหมายของอีเมล์ และส่วนประกอบของอีเมล์
คำว่า E-mail (อีเมล์) หมายถึง จดหมายอิเลคทรอนิกส์ที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันในอินเตอร์เน็ต ซึ่งก่อนที่คุณจะมีอีเมล์ใช้นั้นคุณจะต้องมี E-mail Address (ที่อยู่อีเมล์)ของตัวเองเสียก่อน ถ้าคุณใช้บริการอินเตอร์เน็ตโดยการสมัครเป็นสมาชิกโดยตรงกับ ISP (ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต) คุณก็จะได้รับแจ้งที่อยู่อีเมล์ของตัวเองตั้งแต่สมัครสมาชิกเลยแต่ถ้า ISP ไม่ได้ให้มานักเรียน ก็สามารถมีที่อยู่อีเมล์ได้โดยขอได้ฟรีจากผู้ให้บริการอีเมล์ในอินเตอร์เน็ตทั้งที่ฟรีและไม่ฟรีค่ะ
(หมายถึงระบบที่ใช้กระดาษในการเขียนจดหมาย) กล่าวคือในระบบไปรษณีย์ปกติมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการรับส่งจดหมายคือเป็นบรุษไปรษณีย์ (ในกรณีของประเทศไทยคือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย) ถ้าเป็นในอินเตอร์เน็ตสิ่งที่ทำหน้าที่คอยรับส่งจดหมายคือบรรดาคอมพิวเตอร์ทั้งหลายที่ทำหน้าที่เป็น E-mail Server (คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ให้บริการด้านจดหมายอิเล็กทรอนิคส์) ดังนั้นถ้าท่านต้องการใช้ E-mail สิ่งแรกที่ท่านต้องทำคือไปสมัครเป็นสมาชิกหรือไปทำการลงทะเบียนกับอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ จะเป็นเซิร์ฟเวอร์ใดก็ได้ บรรดาอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ทั้งหลายนี้สามารถจัดแบ่งออกได้เป็นสามประเภทดังนี้ อีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของหน่วยงานที่ท่านทำการศึกษาอยู่หรือทำงานอยู่ เช่น นิสิต อาจารย์ ข้าราชการ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็สามารถลงทะเบียนหรือสมัครเป็นสมาชิกได้กับคอมพิวเตอร์ที่เป็นอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของจุฬา ฯ ได้ อีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของ ISP ( Interner Service Provider – หน่วยงานที่ให้บริการอินเตอร์เน็ต ) เช่น KSC เป็นต้น ท่านสามารถสมัครหรือลงทะเบียนกับหน่วยงานประเภทนี้ได้ แต่ต้องเสียค่าสมาชิกให้แก่หน่วยงานประเภทนี้ด้วย อีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของหน่วยงานที่ให้บริการฟรี เป็นบริการฟรีที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปลงทะเบียนหรือสมัครเป็นสมาชิกได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เช่น hotmail เป็นต้น ภายหลังจากที่ท่านลงทะเบียนกับอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์แล้ว ท่านก็สามารถใช้อีเมลล์ได้ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเขียนจดหมาย ส่งจดหมาย และรับจดหมาย มีอยู่หลายตัวด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น pine, Netscape, Outlook เป็นต้น ท่านจะเลือกใช้ซอฟต์แวร์ตัวไหนก็ได้แล้วแต่ความชอบใจของตัวท่านเอง ท่านไม่จำเป็นต้องรู้วิธีใช้ซอฟต์แวร์ด้านอีเมลล์ทุกตัว ท่านรู้เพียงตัวเดียวก็พอ ตัวจดหมายอิเลคทรอนิคส์แบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่คือ Heading ส่วนนี้ใช้ระบุ E-mail address ของผู้รับจดหมาย และ Attachment (สิ่งที่ส่งมาด้วย) Body ส่วนนี้เป็นส่วนที่เป็นเนื้อความจดหมาย อีเมลล์แอดเดรส์ของผู้รับจดหมายประกอบด้วยสองส่วนคือ ส่วนที่เป็นรหัสบัญชี( user account) ของผู้รับจดหมาย และส่วนที่เป็นชื่อของอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของผู้รับ ทั้งสองส่วนนี้ถูกคั่นด้วยเครื่องหมาย @ ตัวอย่าง E-mail address vapisit@pioneer.chula.ac.th รหัสบัญชีคือ vapisit และอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์คือ pioneer.chula.ac.th kpeter@yahoo.com รหัสบัญชีคือ kpeter และอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์คือ yahoo.com attachment (สิ่งที่ส่งมากับอีเมล์)อาจเป็นไฟล์ประเภทไหนก็ได้ เช่น ไฟล์ที่เป็นข้อความล้วน ๆ (text) ไฟล์ที่ข้อมูลรูปภาพ กล่าวคือเป็นสื่ออะไรก็ได้ ประโยชน์ที่ท่านที่เป็นผู้ใช้อีเมลล์จะได้รับมีดังนี้ ท่านสามารถส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เมื่อไรก็ได้ตามที่ท่านต้องการ จะเป็นกลางคืนหรือกลางวันก็ได้ จดหมายจะถึงมือผู้รับภายในเวลาอันรวดเร็ว อาจภายในไม่กี่นาที หรือภายในไม่กี่ชั่วโมง ไม่ว่าผู้รับจดหมายนั้นจะอยู่ใกล้หรือไกล ผู้รับจดหมายก็สามารถรับและเปิดอ่านจดหมายได้เมื่อไรก็ได้ตามที่เขาต้องการ ท่านสามารถส่งจดหมายไปยังผู้รับคนเดียว หลายคน หรือจำนวนมากเป็นร้อยคน เป็นพันคนได้ ซอฟต์แวร์ของอีเมล์ส่วนใหญ่จะมีวิธีช่วยให้ท่านเก็บรายชื่อพร้อมทั้งอีเมลล์แอดเดรสของผู้ที่ท่านต้องการส่งจดหมายไปหา และช่วยจัดเป็นกลุ่มด้วย ถ้าท่านส่งจดหมายไปยังกลุ่มก็หมายความว่าทุกคนในกลุ่มก็ได้รับจดหมายนั้น ท่านสามารถเก็บจดหมายที่ได้รับ(จากเพื่อน ผู้ร่วมงาน หรือหัวหน้า)บางฉบับไว้ได้ ถ้าท่านเห็นว่าจดหมายนั้นมีความสำคัญ เช่น ไว้เตือนความจำว่ามีงานอะไรต้องทำ หรือ ได้ตกลงเรื่องอะไรไว้กับใครบ้าง ปัญหาที่ท่านอาจพบในการใช้อีเมลล์ จดหมายหาย ปัญหานี้อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความผิดพลาดของคน ความผิดพลาดของซอฟต์แวร์ ความล้มเหลวของฮาร์ดแวร์ เป็นต้น จดหมายส่งไปผิด คือไปยังผู้รับผิดคน ปัญหานี้อาจเกิดการที่ระบุอีเมลล์แอดเดรสของผู้รับผิด การปลอมจดหมาย
คำว่า E-mail (อีเมล์) หมายถึง จดหมายอิเลคทรอนิกส์ที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันในอินเตอร์เน็ต ซึ่งก่อนที่คุณจะมีอีเมล์ใช้นั้นคุณจะต้องมี E-mail Address (ที่อยู่อีเมล์)ของตัวเองเสียก่อน ถ้าคุณใช้บริการอินเตอร์เน็ตโดยการสมัครเป็นสมาชิกโดยตรงกับ ISP (ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต) คุณก็จะได้รับแจ้งที่อยู่อีเมล์ของตัวเองตั้งแต่สมัครสมาชิกเลยแต่ถ้า ISP ไม่ได้ให้มานักเรียน ก็สามารถมีที่อยู่อีเมล์ได้โดยขอได้ฟรีจากผู้ให้บริการอีเมล์ในอินเตอร์เน็ตทั้งที่ฟรีและไม่ฟรี ทางที่ดีควนจะทำฟรีนะค่ะ
หมายถึงระบบที่ใช้กระดาษในการเขียนจดหมาย) กล่าวคือในระบบไปรษณีย์ปกติมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการรับส่งจดหมายคือเป็นบรุษไปรษณีย์ (ในกรณีของประเทศไทยคือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย) ถ้าเป็นในอินเตอร์เน็ตสิ่งที่ทำหน้าที่คอยรับส่งจดหมายคือบรรดาคอมพิวเตอร์ทั้งหลายที่ทำหน้าที่เป็น E-mail Server (คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ให้บริการด้านจดหมายอิเล็กทรอนิคส์) ดังนั้นถ้าท่านต้องการใช้ E-mail สิ่งแรกที่ท่านต้องทำคือไปสมัครเป็นสมาชิกหรือไปทำการลงทะเบียนกับอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ จะเป็นเซิร์ฟเวอร์ใดก็ได้ บรรดาอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ทั้งหลายนี้สามารถจัดแบ่งออกได้เป็นสามประเภทดังนี้ อีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของหน่วยงานที่ท่านทำการศึกษาอยู่หรือทำงานอยู่ เช่น นิสิต อาจารย์ ข้าราชการ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็สามารถลงทะเบียนหรือสมัครเป็นสมาชิกได้กับคอมพิวเตอร์ที่เป็นอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของจุฬา ฯ ได้ อีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของ ISP ( Interner Service Provider – หน่วยงานที่ให้บริการอินเตอร์เน็ต ) เช่น KSC เป็นต้น ท่านสามารถสมัครหรือลงทะเบียนกับหน่วยงานประเภทนี้ได้ แต่ต้องเสียค่าสมาชิกให้แก่หน่วยงานประเภทนี้ด้วย อีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของหน่วยงานที่ให้บริการฟรี เป็นบริการฟรีที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปลงทะเบียนหรือสมัครเป็นสมาชิกได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เช่น hotmail เป็นต้น ภายหลังจากที่ท่านลงทะเบียนกับอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์แล้ว ท่านก็สามารถใช้อีเมลล์ได้ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเขียนจดหมาย ส่งจดหมาย และรับจดหมาย มีอยู่หลายตัวด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น pine, Netscape, Outlook เป็นต้น ท่านจะเลือกใช้ซอฟต์แวร์ตัวไหนก็ได้แล้วแต่ความชอบใจของตัวท่านเอง ท่านไม่จำเป็นต้องรู้วิธีใช้ซอฟต์แวร์ด้านอีเมลล์ทุกตัว ท่านรู้เพียงตัวเดียวก็พอ ตัวจดหมายอิเลคทรอนิคส์แบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่คือ Heading ส่วนนี้ใช้ระบุ E-mail address ของผู้รับจดหมาย และ Attachment (สิ่งที่ส่งมาด้วย) Body ส่วนนี้เป็นส่วนที่เป็นเนื้อความจดหมาย อีเมลล์แอดเดรส์ของผู้รับจดหมายประกอบด้วยสองส่วนคือ ส่วนที่เป็นรหัสบัญชี( user account) ของผู้รับจดหมาย และส่วนที่เป็นชื่อของอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของผู้รับ ทั้งสองส่วนนี้ถูกคั่นด้วยเครื่องหมาย @ ตัวอย่าง E-mail address vapisit@pioneer.chula.ac.th รหัสบัญชีคือ vapisit และอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์คือ pioneer.chula.ac.th kpeter@yahoo.com รหัสบัญชีคือ kpeter และอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์คือ yahoo.com attachment (สิ่งที่ส่งมากับอีเมล์)อาจเป็นไฟล์ประเภทไหนก็ได้ เช่น ไฟล์ที่เป็นข้อความล้วน ๆ (text) ไฟล์ที่ข้อมูลรูปภาพ กล่าวคือเป็นสื่ออะไรก็ได้ ประโยชน์ที่ท่านที่เป็นผู้ใช้อีเมลล์จะได้รับมีดังนี้ ท่านสามารถส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เมื่อไรก็ได้ตามที่ท่านต้องการ จะเป็นกลางคืนหรือกลางวันก็ได้ จดหมายจะถึงมือผู้รับภายในเวลาอันรวดเร็ว อาจภายในไม่กี่นาที หรือภายในไม่กี่ชั่วโมง ไม่ว่าผู้รับจดหมายนั้นจะอยู่ใกล้หรือไกล ผู้รับจดหมายก็สามารถรับและเปิดอ่านจดหมายได้เมื่อไรก็ได้ตามที่เขาต้องการ ท่านสามารถส่งจดหมายไปยังผู้รับคนเดียว หลายคน หรือจำนวนมากเป็นร้อยคน เป็นพันคนได้ ซอฟต์แวร์ของอีเมล์ส่วนใหญ่จะมีวิธีช่วยให้ท่านเก็บรายชื่อพร้อมทั้งอีเมลล์แอดเดรสของผู้ที่ท่านต้องการส่งจดหมายไปหา และช่วยจัดเป็นกลุ่มด้วย ถ้าท่านส่งจดหมายไปยังกลุ่มก็หมายความว่าทุกคนในกลุ่มก็ได้รับจดหมายนั้น ท่านสามารถเก็บจดหมายที่ได้รับ(จากเพื่อน ผู้ร่วมงาน หรือหัวหน้า)บางฉบับไว้ได้ ถ้าท่านเห็นว่าจดหมายนั้นมีความสำคัญ เช่น ไว้เตือนความจำว่ามีงานอะไรต้องทำ หรือ ได้ตกลงเรื่องอะไรไว้กับใครบ้าง ปัญหาที่ท่านอาจพบในการใช้อีเมลล์ จดหมายหาย ปัญหานี้อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความผิดพลาดของคน ความผิดพลาดของซอฟต์แวร์ ความล้มเหลวของฮาร์ดแวร์ เป็นต้น จดหมายส่งไปผิด คือไปยังผู้รับผิดคน ปัญหานี้อาจเกิดการที่ระบุอีเมลล์แอดเดรสของผู้รับผิด การปลอมจดหมาย
คำว่า E-mail (อีเมล์) หมายถึง จดหมายอิเลคทรอนิกส์ที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันในอินเตอร์เน็ต ซึ่งก่อนที่คุณจะมีอีเมล์ใช้นั้นคุณจะต้องมี E-mail Address (ที่อยู่อีเมล์)ของตัวเองเสียก่อน ถ้าคุณใช้บริการอินเตอร์เน็ตโดยการสมัครเป็นสมาชิกโดยตรงกับ ISP (ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต) คุณก็จะได้รับแจ้งที่อยู่อีเมล์ของตัวเองตั้งแต่สมัครสมาชิกเลยแต่ถ้า ISP ไม่ได้ให้มานักเรียน
คำว่า E-mail (อีเมล์) หมายถึง จดหมายอิเลคทรอนิกส์ที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันในอินเตอร์เน็ต ซึ่งก่อนที่คุณจะมีอีเมล์ใช้นั้นคุณจะต้องมี E-mail Address (ที่อยู่อีเมล์)ของตัวเองเสียก่อน ถ้าคุณใช้บริการอินเตอร์เน็ตโดยการสมัครเป็นสมาชิกโดยตรงกับ ISP (ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต)
หมายถึงระบบที่ใช้กระดาษในการเขียนจดหมาย) กล่าวคือในระบบไปรษณีย์ปกติมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการรับส่งจดหมายคือเป็นบรุษไปรษณีย์ (ในกรณีของประเทศไทยคือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย) ถ้าเป็นในอินเตอร์เน็ตสิ่งที่ทำหน้าที่คอยรับส่งจดหมายคือบรรดาคอมพิวเตอร์ทั้งหลายที่ทำหน้าที่เป็น E-mail Server (คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ให้บริการด้านจดหมายอิเล็กทรอนิคส์) ดังนั้นถ้าท่านต้องการใช้ E-mail สิ่งแรกที่ท่านต้องทำคือไปสมัครเป็นสมาชิกหรือไปทำการลงทะเบียนกับอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ จะเป็นเซิร์ฟเวอร์ใดก็ได้ บรรดาอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ทั้งหลายนี้สามารถจัดแบ่งออกได้เป็นสามประเภทดังนี้ อีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของหน่วยงานที่ท่านทำการศึกษาอยู่หรือทำงานอยู่ เช่น นิสิต อาจารย์ ข้าราชการ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็สามารถลงทะเบียนหรือสมัครเป็นสมาชิกได้กับคอมพิวเตอร์ที่เป็นอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของจุฬา ฯ ได้ อีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของ ISP ( Interner Service Provider – หน่วยงานที่ให้บริการอินเตอร์เน็ต ) เช่น KSC เป็นต้น ท่านสามารถสมัครหรือลงทะเบียนกับหน่วยงานประเภทนี้ได้ แต่ต้องเสียค่าสมาชิกให้แก่หน่วยงานประเภทนี้ด้วย อีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของหน่วยงานที่ให้บริการฟรี เป็นบริการฟรีที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปลงทะเบียนหรือสมัครเป็นสมาชิกได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เช่น hotmail เป็นต้น ภายหลังจากที่ท่านลงทะเบียนกับอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์แล้ว ท่านก็สามารถใช้อีเมลล์ได้ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเขียนจดหมาย ส่งจดหมาย และรับจดหมาย มีอยู่หลายตัวด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น pine, Netscape, Outlook เป็นต้น ท่านจะเลือกใช้ซอฟต์แวร์ตัวไหนก็ได้แล้วแต่ความชอบใจของตัวท่านเอง ท่านไม่จำเป็นต้องรู้วิธีใช้ซอฟต์แวร์ด้านอีเมลล์ทุกตัว ท่านรู้เพียงตัวเดียวก็พอ
คำว่า E-mail (อีเมล์) หมายถึง จดหมายอิเลคทรอนิกส์ที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันในอินเตอร์เน็ต ซึ่งก่อนที่คุณจะมีอีเมล์ใช้นั้นคุณจะต้องมี E-mail Address (ที่อยู่อีเมล์)ของตัวเองเสียก่อน ถ้าคุณใช้บริการอินเตอร์เน็ตโดยการสมัครเป็นสมาชิกโดยตรงกับ ISP (ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต) คุณก็จะได้รับแจ้งที่อยู่อีเมล์ของตัวเองตั้งแต่สมัครสมาชิกเลยแต่ถ้า ISP ไม่ได้ให้มานักเรียน ก็สามารถมีที่อยู่อีเมล์ได้โดยขอได้ฟรีจากผู้ให้บริการอีเมล์ในอินเตอร์เน็ตทั้งที่ฟรีและไม่ฟรี ครับ
คำว่า E-mail (อีเมล์) หมายถึง จดหมายอิเลคทรอนิกส์ที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันในอินเตอร์เน็ต ซึ่งก่อนที่คุณจะมีอีเมล์ใช้นั้นคุณจะต้องมี E-mail Address (ที่อยู่อีเมล์)ของตัวเองเสียก่อน ถ้าคุณใช้บริการอินเตอร์เน็ตโดยการสมัครเป็นสมาชิกโดยตรงกับ ISP
หมายถึงระบบที่ใช้กระดาษในการเขียนจดหมาย) กล่าวคือในระบบไปรษณีย์ปกติมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการรับส่งจดหมายคือเป็นบรุษไปรษณีย์ (ในกรณีของประเทศไทยคือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย) ถ้าเป็นในอินเตอร์เน็ตสิ่งที่ทำหน้าที่คอยรับส่งจดหมายคือบรรดาคอมพิวเตอร์ทั้งหลายที่ทำหน้าที่เป็น E-mail Server (คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ให้บริการด้านจดหมายอิเล็กทรอนิคส์) ดังนั้นถ้าท่านต้องการใช้ E-mail สิ่งแรกที่ท่านต้องทำคือไปสมัครเป็นสมาชิกหรือไปทำการลงทะเบียนกับอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์
Δ
1. สามารถบันทึกข้อมูลต่างต่าง ได้รวดเร็ว เช่น การใช้เครื่องอ่านรหัสเเท่ง ( BAR – CODE )
2. สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมาก ไว้ในฐานข้อมูล ( DATABAST ) เพื่อใช้งานได้ทันที
3. สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณทางสถิติ แยกประเภท จัดกลุ่มทำรายงานลักษณะต่างต่างได้โดยระบบประ
มวลผลข้อมูล
4. สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็วโดยอาศัยเทคโนโลยีสื่อสารข้อมูล
5. สามารถจัดทำเอกสารต่างต่าง ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยระบบประมวลผล
6. การนำมาใช้ทั้งด้านศึกษาเเละการวิจัย
7. การใช้ธุรกิจ การเงิน ธนาคาร เช่น นำคอมพิวเตอร์มาใช้กับงานบัญชี งานการเงิน จองตั๋วเครื่องบิน รถไฟ
1 สามาถรบันขอ้มูลได้รวดเร็วเช่นการใช้เครื่องอ่านรหัสแท่ง
2 สามาถรเก็บข้อมูลได้มาก
3 สามาถรนำข้อมูที่เก็บไว้มาสถิติแยกประเภท
4 สามาถรส้งข้อมูลจากที่หนิํงไปอยังที่หนิํงสามาถรจัดเอกกระสารไดรวดเร็ว
1. สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ ได้รวดเร็ว
2.สามรถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆไว้ในฐานข้อมูลเพื่อใช้งานได้ทันที
3. สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวนทางสถิติแยกประเภทจัดกลุ่มทำรายงานลักษณะต่างๆได้โดยระบบประมวลผลข้อมูล
4. สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว
5. สามารถจัดทำเอกสารต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
6. การนำมาใช้ในงานทั้งด้านศึกษา การวิจัย
7. การใช้ธุรกิจงานการเงิน ธนาคาร และงานของภาครัฐต่างๆ
1.สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆได้รวดเร็ว
2.สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆไว้ในฐานข้อเพื่อใช้งานได้ทันที
3.สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวนทางถิติ
4.สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว
5.สามารถจัดทำเอกสารต่างๆได้รวดเร็ว
6.การทำมาใช้งานทั้งด้านการศึกษา
7.การใช้งานธุรกิจงานการเงิน
1.สามารถบันทึกข้อมูลต่างต่าง ได้รวดเร็ว
2.สามารถเก็บข้อมูลจำนวณมากมาก ไว้ในฐานข้อมูลเพื่อใช้งานได้ทันที่
3.สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณสถิติ แยกประเภทจัดกลุ่มทำรายงานลักษณะต่างต่าง
4.สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว
5.สามารถจัดทำเอกสารต่างต่าง ได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบประมวณผลคำ
6.การนำมาใช้งานทั่งด้านการศึกษา การวิจัย
7.การใช้งานธุรกิจ งานการเงิน ธนาคาร และงานของภาครัฐต่างต่าง
1 สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆได้รวดเร็ว
2 สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆไว้ในพื้นฐานข้อมูลเพื่อใช้งานได้ทันที่
3 สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวนทางสถิติแยกประเภทจัดกล่มทำรายงานลักษณ์ต่างๆ
4 สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว
5 สามารถจัดเอาเอกสารต่างได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบประมุผลคำ
6 การนำมาใช้ทั้งด้านการศึกษาการวิจัย
7 การใช้งานธุรกิจ งานกานเงิน ธนาคารและงานของภาครัฐต่างๆ
1. สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
2.สามารถเก็บข้อมูลมากๆไว้ในฐานข้อมูล(Database)เพื่อใช้งานได้ทันที
3.สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณทางสถิติ
4.สามารถส่งข้มูลจากที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว
5.สามารถจัดเอกสารต่างๆด้อย่างรวดเร็ว
6.การนำมาใช้งาน ทั้งด้านการศึกษา การวิจัย
7การใช้งานด้านธุรกิจ งานการเงิน ธนาคาร และงานของภาครัฐต่างๆ
1. สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากไว้ใน(Database)เพื่อใช้งานได้ทันที
2. สามารถบันทึกข้อมุลต่างๆได้รวดเร็วเช่นการเครื่องอ่านรหัสแท่ง(Bar-code)อ่านเวลาเข้าออก
ของพนักงาน
3. สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวนทางสถิติแยกประเภทจัดกลุ่มทำรายงาน
ลักษณะต่างๆได้(Data Processing)
4. สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว โดยอาศัย
เทคโนโลยีสื่อสารข้อมูล(Data communicataion
5. การนำมาใช้งานทั้งด้านการศึกษา การวิจัย
1. สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆได้รวดเร็ว เช่น การใช้เครื่องอ่านรหัสแท่ง (Bar-code)
2. สามารถเก็บข้อจํานวนมากๆไว้ในฐานข้อมูล(Database)เพื่อใช้งานได้ทันที
3. สามารถนําข้อมูลที่เก็บไว้มาคํานวนทางสถิติแยกประเภท จัดกลุ่ม ทํารายงานลักษณะต่างๆ
4. สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว
5. สามารถจัดมําเอกสารต่างๆได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบประมวลผลคํา(Word poressing)
6. การนํามาใช้งานทั้งด้านการศึกษา การวิจัย
7. การใช้งานธุรกิจการเงิน ธนาคารและงานของภาครัฐ
เหตุผลที่นำ คอมพิวเตอร์มาใช้งาน 1. สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆได้รวดเร็ว 2. สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆไว้ให้ฐานข้อมูลเมื่อใช้ได้ทันที 3. สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณทางสถิติเเยกประเภทจัดกลุ่ม ทำรายงานลักษณะต่างๆได้ 4. สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว 5. สามารถจัดทำเอกสารต่างๆได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบประมวลผล 6. การนำมาใช้ทั้งด้านการศึกษาการวิจัย 7. การใช้งานธุรกิจงานการเงินธนาเเละงานของภาครัฐต่างๆ
1. การต่อเครื่องพิ์มพ์ การเชื่อยมต่ออุปการ์ณ์พ่วงคอมพิวเตอร์อาจจะเเบ่งได้หลายกรณีด้วยกัน
1. สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆได้รวดเร็ว เช่นการไช้เคื่องอ่านรหัสแท่ง(Bar-code)
2. สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆไว้ในฐานข้อมูล(Database)
3. สามานำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณทางสถิติ
4. สามาส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่ารวดเร็ว
5. สามารถจัดทำเอกสารต่างๆได้อย่างรวดเร็วด่วยระบบประมวลผลคำ
6.การนำมาใช้ทั้งด้านศึกษาและการวิจัย
7.การใช้ธุรกิจการเงินธนาคาร
1สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆได้รวดเร็ว
2สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆไว้ในฐาน
3สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวน
4สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
5สามารถทำเอกสารต่างๆ
6การนำมาใช้งานทั้งด้านการศึกษา การวิจัย
7การใช้งานธุรกิจงานการเงิน ธนาคาร
1. สามารถบันทึกข้อมุลต่างๆได้รวดเร็วเช่นการเครื่องอ่านรหัสแท่ง(Bar-code)อ่านเวลาเข้าออก
ของพนักงาน
2. สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว โดยอาศัย
เทคโนโลยีสื่อสารข้อมูล(Data communicataio)
3. การนำมาใช้งานทั้งด้านการศึกษา การวิจัย
1.สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ
2.สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆ
3.สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณทางสถิติ
4.สามารถ่งข้อมูลจากที่หนึ่ง
5.สามารถจัดทำเอกสารต่างๆได้รวดเร็ว
6.การทำมาใช้งานทางด้านการศึกษา การวิจัย
7.การใช้งานธุรกิจ งานการเงิน
1.สามารถบันทึกการใช้เครื่องรหัสแท่ง
1.สามาถบันทึกข้อมูลต่างๆได้รวจเร็ว เช่นการใช้เครื่องอ่านรหสแท่ง(Bap-Cade)
2.สามารถเก็บข้อมูลไว้ใน(Datase)
3.สามารถนําข้อมูลเก็บไว้ใน(DataProcess)
4.สามารถส่งข้อมูลต่างๆโดยเทคโนโลยีสือสารข้อมูล(Datacommunication)
5.สามารถจัดทําเอกสารต่างๆด้วยระบบ(WordProcessing)
6.การนํามาใช้งานทั้งด้านการศึกษาการวิจัย
7.การใช้งานการเงินะนาคารและงนาบัญชีงานเอกสารงานการเงินตั๋วเครื่องบิน รถไฟ
1. สามารถนำข้อมูลต่างๆได้รวดดเร็วเช่นการใช้เครื่องรหัสแทง(bar code) อ่านแล้วเข้าออกของหนังและราคาสินคา
2.สามารถเก็บขอ้มูลจำนวนมาก
3.สามารถนำข้อมูลที่เก้บไว้มาคำนวณทางสถิติ
.
1.สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆได้รวดเร็วเช่นการใช้เครื่องอ่านรหัสแท่ง(bar-cobe)
2.สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆไว้ในฐานข้อมูล(Pata Base) เพื่อใช้งานได้ทันที
3.สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวนทางสถิติประเภทจัดกลุ่ม ทำรายงานต่างๆ
4.สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว
5.สามารถจัดทำเอกสารต่างๆได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบประมวลคำ(Worb processing)
6.การนำมาใช้ในงานทั้งด้านศึกษา การวิจัย
7.การใช้ธุรกิจงานการเงิน ธนาคาร และงานของภาครัฐต่างๆ
1.สามารถบันทึกการใช้เครื่องรหัสแท่ง(Ba-cade)
2.สามารถเก็บข้อมูลไว้ใน(Datase)
3.สามารถนำข้อมูลเก็บไว้ใน(Dataseprocess)
4.สามารถส่งข้อมูลต่างๆโดยเทคโนโลยีสื่อสารข้อ(Datacommuication)
5.สามารถจัดทำเอกสารต่างๆด้วยระบบ(Wordrocessing)
6.การนำมาใช้งานทั้งด้านการศึกษาการวิจัย
7.การใช้งานการเงินธนาคารและงานบัญชีงานเอกสารงานการเงินตั่วเครื่องบินรถไฟ
1. การนำมาใช้งานทั้งด้านการวิจัย
2. สามารถเก็บข้อมูล( Data proe)
3. สามารถนำข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็วโดยอาศัยเทคโนโณยีสานขอ้มูล(Datacommunication)
1. สามารถได้นําข้อมูลต่างรวดเร้วเช่นกานใช้เครืองรัสแทน
2. สามารถสงข้อมุลจํานวนมากๆไว้ในฐางข้ลมูล 3. สามารถนําข้อมูลที่เก็บไว้มาคํานวนทางสกิติแยงประเภท 4. สามารถส่งข้อมูลต่างๆจางที่หนึ่งไปยังอีกได้อย่า
1. สามารถบันทึกมูลต่างๆได้รวดเร็วเช่นการเครื่องอ่านรหัสแท่ง(Bar-code)อ่านเวลาเข้าออก
2. สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากไว้ในฐานข้อมูล(Data base)เพื่อใช้งานได้ทันที
3. การนำมาใช้งานทั้งด้านการศึกษาการวิจัด
1.การนํามาใช้งานทั้งด้านการศึกษาการวิใจ
2.สามาถเก็บข้อมูล(DATAPVOSE)
3.สามารถนําข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อยางรวดเร็วโดยอาศํัยเท็กโนโลยีสานข้อมูล(DATACOMMUNication)
1.สามารถบันข้อความได้อย่างรวดเร็ว
2.สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากไว้ได้
3.สามารถเก็บข้อมูลไว้คำนวน ทางสถิติ
4.สามารถส่งข้อจากที่หนึ่ง ไปอีกที่หนึ่งได้
5.สามารถทำเอกสารได้
6.การนำมาไช้งานทั้งด้านการศึกษา การวิจัย
7.การไช้งานธุรกิจงานธนาคาร
8.การงานคุมระบบอัตโนมัติได้
9การไช้เพื่อการวิเคราะห์ได้
10.การไช้คอมพิวเตอร์เพื่อจำรองได้
11.การไช้คอมพิวเตอร์นันทนาการได้
12.การไช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับเทคโนโรยีได้.
1.สามารถบันทึกข้อความต่างๆ
2.สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากไว้ไนฐาน(Datadase)
3.สามารถเก็บข้อไว้คำนวนทางสถิติ
1การนำมาใช้งานทั้งดานการศึกษาการวิใจ
2สามารถเก็บข้อมูล(DATAPVOSE)
1.สามารถบันทึกข้อมูล
2.สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมาก
3.สามารถนำข้อมูลเก็บไว้มาคำนวณ
4สามารถส่งข้อมูลที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่ง
5.สามารถจัดทำเอกสาร
6.การนำมาใช้งานทางด้านศึกษา
7.การใช้งานธุรกิจ
8.การควบคุมระบบอัตโนมัติ
9.การใช้งานวิเคราะห์
10.การใช้คอมพิวเตอร์เพื่ิอจำลอง
11.การใช้คอมพิวเตอร์นันทนาการ
12.การใช้คอมพิวเตอร์รวมกับเทคโนโลยี
1สามารถบันทึกข้อมูลจํต่างๆได้รวดเร็วเช่นการใช้เครื่องอ่านรหัสแท่ง
2สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆ ใว้ในฐานข้อมูล
3สามารถนำข้อมู ที่เก็บไว้ มาคำนวนทางสถิติแยกประเภทจัดกลุ่ม ทำรายงาน
4สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่ง ไปยังที่หนึ่งได้รวดเร็ด
5สามารถจัดทำเอกสารต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
6ก่รนำมาใช้งานทั้งด้านการศึกษา การวิจัย
7การใช้งานธุรกิจ งานการเงิน ธนาคาร
8การควบคุมระบบอัตโนมัติต่างๆ
9การใช้งานเพื่องานวิเคราะต่างๆ
10การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อจำลอง
11การใช้คอมพิวเตอร์นันทนาการ
12ใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับเทศโลยีล้ำสมัย
1.สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆได้รวดเร็วเช่นการใช้เครื่องอ่านรหัสแท่ง 12.การใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับเทคโนโลยี
2.สามารถเก็บข้อมูลจำนนวนมากๆ . 3. สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณทางสถิติ
4.สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว
5.สามารถจัดทำเอสสารต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
6.การนำมาใช่งานทั่งด้านการศึกษาการวิจัย
7.กานำมาใช้งานธุรกิจงานการเงินธนาคาร
8.การควบคุมระบบอัตโนมัติต่างๆ
9.การใช้เพื่่งานวิเคราะห์ต่างๆ
10.การให้คอมพิวเตอร์เพื่อจำลองรูปแบบ
11.การใช้คอมพิวเตอร์นันทนาการ
1 สามารถบันทึกข้อความต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
2 สามารถเก็บข้อมูลจํานวนมากๆได้
3 สามารถนําข้อมูลที่เก็บไว้มาคํานวนทางสถิติ 11 การใช้คอมพิวเตอร์นันทนาการ
4 สามารถส่งข้อมูลที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง 12การใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับเทคโนโลยี
5 สามารถเก็บเอกสารต่างๆได้
6 การนํามาใชงานทางด้านศึกศาและวิจัย
7 การใช้งานธุรกิจ
8 การควบคมระบบอัติโนมัติ
9 การใช้เพื่อวิเคราะต่างๆ
10 การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อจําลองรุปเเบบต่างๆ
1.สามารถทึข้อมูลต่างๆ
2.สามารถเก็บข้อ
3.สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณ
4.สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
5.สามารถจัดทำเอกสารต่างๆ
6.การนำมาใช้งานทั้งด้านการศึกษาวิจัย
7.การใช้งานการเงินธนาคารรัฐต่างๆ
8.การควบคุมระบอัตโนมัติ
9.การใช้เพื่องานวิเคราะห์ต่างๆ
10.การใช้ คอมพิวเตอร์
11.การใช้คอมพิวเตอร์นันทนาการ
เหตุผลที่นำคอมพิวเตอร์มาใช้งาน
1.สามารถบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ได้รวดเร็ว เช่น การใช้เครื่องอ่านรหัสแท่ง
2.สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมาก ๆ ไว้ในฐานข้อมูล เพื่อใช้งานได้ทันที
3.สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณทางสถิติ แยกประเภท จัดกลุ่ม ทำรายงานลักษณะต่างๆได้
4.สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว
5.สามารถจัดทำเอกสารต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
6.การนำมาใช้งานทั้งด้านการศึกษา การวิจัย
7.การใช้งานธุรกิจ งานการเงิน ธนาคาร และงานของภาครัฐต่างๆ เช่น การจองตั๋วเครื่องบิน รถไฟ
8.การควบคุมระบบอัตโนมัติต่างๆ เช่น ระบบจราจร
9.การใช้เพื่องานวิเคราะห์ต่างๆ
10.การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อจำลองรูปแบบ เช่น การจำลองโมเลกุล
11.การใช้คอมพิวเตอร์นันทนาการ เช่น การเล่นเกม
12.การใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับเทคโนโลยีลํ้าสมัยอื่นๆ
1 สามารถบันทึกข้อมุูลต่างๆได้รวดเร็วเช่นการใช้เครื่อง 2 สามารถเก็บข้อมูลจ่านวนมากๆไว้ในฐข้อมูลเพื่อใช้งาน 3สามารกน้าข้อมูลเก็บมาคำนวนทางสถิติ 4 สามารถส่งข้อมูลที่หนึ่งยังอีกหนึ่ง5สามารถจัดเอกสาร6การมาใช้งาน7การใช้งาน8ควบคุมระบบ9ใช้อ่านวิเคราะ 10 กานให้คอมพิวเตอร์11กานใช้คอมพิวเตอร์ทนาการ 12 ตารใช้คอมพิวเตอร์รว่มเทคโนโลยี
1.สามารถบันทึกข้อมูล
2.สามารถเก็บข้อมูล
3.สามารถนำข้อมูลมาคำนวณ
4.สามารถส่งข้อมูล
5.สามารถจัดเอกสาร
6.การนำมาใช้งาน
7.การใช้งานธุรกิจ
8.การควบคุม
9.การใช้งานวิเคราะห์
10.การใช้คอมพิวเตอร์
11.การใช้คอมพิวเตอร์นันทนาการ
12.การใช้คอมพิวเตออร์ร่วมกับเทคโนโลยี
ให้นักเรียนบอกความหมายของคอมพิวเตอร์ มา
1.สามารถบันทึกข้อมูลต่างต่าง ได้รวดเร็ว
2.สามารถเก็บข้อมูลจำนวณมากมาก ไว้ในฐานข้อมูลเพื่อใช้งานได้ทันที่
3.สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณสถิติ แยกประเภทจัดกลุ่มทำรายงานลักษณะต่างต่าง
4.สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว
5.สามารถจัดทำเอกสารต่างต่าง ได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบประมวณผลคำ
6.การนำมาใช้งานทั่งด้านการศึกษา การวิจัย
7.การใช้งานธุรกิจ งานการเงิน ธนาคาร และงานของภาครัฐต่างต่าง
1. สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ ได้รวดเร็ว
2.สามรถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆไว้ในฐานข้อมูลเพื่อใช้งานได้ทันที
3. สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวนทางสถิติแยกประเภทจัดกลุ่มทำรายงานลักษณะต่างๆได้โดยระบบประมวลผลข้อมูล
4. สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว
5. สามารถจัดทำเอกสารต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
6. การนำมาใช้ในงานทั้งด้านศึกษา การวิจัย
7. การใช้ธุรกิจงานการเงิน ธนาคาร และงานของภาครัฐต่างๆ
คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องคำนวณ ในรูปของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถรับข้อมูล และคำสั่ง ผ่านอุปกรณ์รับข้อมูล แล้วนำข้อมูลและคำสั่งนั้น ไปประมวลผลด้วยหน่วยประมวลผลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ และแสดงผลผ่านอุปกรณ์แสดงผล
คอมพิวเตอร์ก็มีความหมายที่ชัดเจนในตัวของมันคื่อเครื่องคํานวณในรูปของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องคำนวน ในรูปของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถรับข้อมูลและคำสั่งผ่านอุปกรณ์รับข้อมูลแล้วนำข้อมูลและคำสั่งนั้นไปประมวลผลด้วยหน่วยประมวลผลให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
คอมพิวเตอร์คือเครื่งคำนวนในรูปของอุปกรณ์อิเล๊กทรอนิกส์ที่สามารถรับข้อมูลและคำสั่งผ่านอุปกรณ์รับข้อมูลและนำข้อมูลและคำสั่งนั้นไปประมวลผลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
คอมพิวเตอร์มีหลายลักษณะใช้งานได้รวดเร็ว ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้วสามารถพกพาได้สะดวก
คอมพิวเตอร์ มีหลายลักษณะ เช่น คอมพิวเตอร์เบนเฟรม หรือซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็มีความหมายชัดเจนในตัวของมันเอง
คอมพิวเตอร์คือเครื่งคำนวนในรูปของอุปกรณ์อิเล๊กทรอนิกส์ที่สามารถรับข้อมูลและคำสั่งผ่านอุปกรณ์รับข้อมูลและนำข้อมูลและคำสั่งนั้นไปประมวลผลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการและแสดงผ่านอุปกรณ์แสดงผล
1.สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ รวดเร็ว
2.สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากได้
3.สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาแยกประเภทได้
4.สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้เร็ว
5.สามารถจัดเอกสารต่างๆได้เร็ว
คอมพิวเตอร์ จึงสามารถมีรูปร่างอย่างไรก็ได้ไม่จำเป็นรูปร่างอย่างที่เราคุ้นเคยหรือที่เราพบเห้น
คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่งคำนวณ ในรูปของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถรับข้อมูล และคำสั่ง ผ่านอุปกรณ์รับข้อมูล แล้วนำข้อมูลและคำสั่งนั้น ไปประมวลผลด้วยหน่วยประมวลผลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ และแสดงผลผ่านอุปกรณ์แสดงผล
คอมพิวเตอร์คือเครื่งคำนวนในรูปของอุปกรณ์อิเล๊กทรอนิกส์ที่สามารถรับข้อมูลและคำสั่งผ่านอุปกรณ์รับข้อมูลและนำข้อมูลและคำสั่งนั้นไปประมวลผล
คอมพิวเตอร์คือเครื่องคำนวนในรูปอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารับข้อมูลและคำสั่งผ่านอุปกรณ์รับข้อมูลและนำข้อมูลและคำสั่งนั้นไปประมวนผล
คอมพิวเตอร์หมายถึง เครื่องคำนวนในรูปเเบบอุปกรณ์อิเล็กทรนิกส์
คอมพิวเตอร์มีความหมายหลายอย่างเช่น การนำมาใช้เป็นการวิจัย และอื่นๆดั่งนั้นเราก็สมควรใช้ให้เป็นประโยชน์
คอมพิวเตอร์สามารถให้ความรู้ได้หลายอย่าง
คอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะ หลายรูปแบบแต่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตามก็สามารถใช้ได้ทุกรูปแบบและคอมพิวเตอร์เก็บข้อมูลได้ดี
คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องคำนวณ ในรูปของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถรับข้อมูลและคำสั่งผ่านนอุปกรณ์รับข้อมูลแล้วนำข้อมูลและคำสั่งนั้นไปประมวลผลด้วยหน่วยประมวลผลให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการและแสดงผลผ่านอุปกรณ์แสดงผล
1สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆรวดเร็ว.
2.สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากได้
3.สามารถนำข้อมูลที่เก็บมาแยกประเภทได้
4.สามารถส่งข้อมูลอีกที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้
5.สามารถจัดเอกสารต่างๆได้เร็ว
คอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะ
คอมพิวเตอร์คือเครื่งคำนวนในรูปอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
คอมพิวเตอร์ได้ความรู้มากมาย
คอมพิวเตอร์หมายถึงเครื่องประมวลผลด้วยหน่วยประมวลผลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
1.สามาถสามาสถรบันทิํ
คอมพิวเตอร์หมายถึงเครื่องประมวลผลด้วยหน่วยประมวลผลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการและแสดง
คอมพิวเตอร์คือเครื่องรับข้อมูล
ปัจจุบัน พบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะ หลากหลายรูปแบบ ทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ
คอมพิวเตอร์แบบกระเป้าหิ้ว คอมพิวเตอร์ขนาดไหญ่
คอมพิวเตอร์มีความหมายที่ชัดเจนในตัวของมันเอง คือ เครื่องคำนวณในรูปของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ปัจจุบนจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะหลากหลายรูปเเบบ ทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาคอม พิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้วไว้เพื่อใช้งาน
ปัจจุบัน พบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะ หลากหลายรูปแบบ ทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์แบบกระเป๊าหิ้ว คอมพิวเตอร์ขนาดไหญ่
ประจุบันจะพบว่าจะมีคอมพิวหลายรูปเเบบเช่นตู้ATMก็เป็นคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่งเหมือนกัน
คอมพิวเตอร์คือ เครื่องคอมที่ใช้ทำงานต่างๆ มีหลาลักษณะ
คอมพิวเตอร์มีความหมายที่ชัดเจนในตัวของมันเอง คือ เครื่องคำนวณในรูปของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถรับข้อมูลและคำสั่ง ผ่านอุปกรณ์รับข้อมูลได้
ปัจจุบัน พบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษญะ หลากหลายรูปแบบ ทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ
คอมพิ้วเตอร์แบบกระเป๊าหิ้ว คอมพิวเตอร์ขนาดไหญ่
คอมพิวเตอร์คือ เครื่องคอมที่ใช้ทำงานต่างๆ มีหลาลักษณะ เช่นแบบพกพา
คอมพิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้ว
ปัจจุบันจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะหลายรูปแบบทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาคอมพิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้วไว้ใช้งาน
ทำให้สร้างสรรค์ มีความคิด ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
คอมพิวเตอร์มีความหมายต่อมนุษย์มากมาย
คอมพิวเตอร์มีหลายลักษณ์ หลายแบบ เช่น แบบพกพา แบบตั้งโต๊ะ แบบกระเป๋าหิ้ว มากมาย คอมพิวเตอร์ก็มีความหมายที่ชัดเจนในตัวของมัน
ความหมาย บทบาทและความสำคัญของคอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์ คือจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลายลักษณะและ หลายแบบ เช่น ขนาดพพกพา แบบกระเป๋าหิ้ว และอีกมากมาย
คอมพิวเตอร์มีหลายลักษณ์เเละมีหลายรูปเเบบเเละคอมพิวเตอร์ก็มีความชัดเจนในตัวเอง
ความหมายและบทบาทและความสำคัญของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์คืออะไร ปัจจุบันจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะหลากหลายรูปแบบทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้วคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ เช่นคอมพิวเตอร์เมนฟ่อม หรือซุปเปอร์คอทพิวเตอร์ แต่ไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม
คอมพิวเตอร์มีประโยชน์มากมายแก่มนุษย์
คอมพิวเตอร์ทั้งให้ความรู้แก่มนุษย์ คอมพิวเตอร์มีความคมชันเจนของมันเอง
ทําให้สร้างสรรค์มีความคิดใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
ปัจจุบันจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลายลักษณะหลากหลายรูปแบบทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาคอมพิวเตอร์แบบ
ตั้งโต๊ะคอมพิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้วคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่
ทําให้สร้างสรรค์มีความคิดใช้เวลาว่างให้มีประโยชน์
คอมพิวเตอร์คือแหล่งความรู้ที่ทุกคนสามารถค้นหาความรู้ได้และเป็นเครื่องคำนวณ ในรูปของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถรับข้อมูล และคำสั่ง ผ่านอุปกรณ์รับข้อมูล แล้วนำข้อมูลและคำสั่งนั้น ไปประมวลผลด้วยหน่วยประมวลผลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ และแสดงผลผ่านอุปกรณ์แสดงผล
คอมพิวเตอร์จึงเป็นเครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ทำงานแทนมนุษย์ ในด้านการคิดคำนวณและสามารถจำข้อมูล ทั้งตัวเลขและตัวอักษรได้เพื่อการเรียกใช้งานในครั้งต่อไป นอกจากนี้ ยังสามารถจัดการกับสัญลักษณ์ได้ด้วยความเร็วสูง โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของโปรแกรม คอมพิวเตอร์ยังมีความสามารถในด้านต่างๆ อีกมาก อาทิเช่น การเปรียบเทียบทางตรรกศาสตร์ การรับส่งข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลในตัวเครื่องและสามารถประมวลผลจากข้อมูลต่างๆ ได้
——————————————————————————–
คอมพิวเตอร์ คือ เครื่องรับข้อมูล มีหลากหลายรูปแบบ เช่น แบบพกพา เป็นต้น
คอมพิวเตอร์จึงเป็นเครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ทำงานแทนมนุษย์ ในด้านการคิดคำนวณและสามารถจำข้อมูล ทั้งตัวเลขและตัวอักษรได้เพื่อการเรียกใช้งานในครั้งต่อไป นอกจากนี้ ยังสามารถจัดการกับสัญลักษณ์ได้ด้วยความเร็วสูง โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของโปรแกรม คอมพิวเตอร์ยังมีความสามารถในด้านต่างๆ อีกมาก อาทิเช่น การเปรียบเทียบทางตรรกศาสตร์ การรับส่งข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลในตัวเครื่องและสามารถประมวลผลจากข้อมูลต่างๆ ได้
คอมพิวเตอร์จึงเป็นเครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ทำงานแทนมนุษย์ ในด้านการคิดคำนวณและสามารถจำข้อมูล ทั้งตัวเลขและตัวอักษรได้เพื่อการเรียกใช้งานในครั้งต่อไป นอกจากนี้ ยังสามารถจัดการกับสัญลักษณ์ได้ด้วยความเร็วสูง โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของโปรแกรม คอมพิวเตอร์ยังมีความสามารถในด้านต่างๆ อีกมาก อาทิเช่น การเปรียบเทียบทางตรรกศาสตร์ การรับส่งข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลในตัวเครื่องและสามารถประมวลผลจากข้อมูลต่างๆ ได้
——————————————————————————–
คอมพิวเตอร์จึงเป็นเครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ทำงานแทนมนุษย์ ในด้านการคิดคำนวณและสามารถจำข้อมูล ทั้งตัวเลขและตัวอักษรได้เพื่อการเรียกใช้งานในครั้งต่อไป นอกจากนี้ ยังสามารถจัดการกับสัญลักษณ์ได้ด้วยความเร็วสูง โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของโปรแกรม คอมพิวเตอร์ยังมีความสามารถในด้านต่างๆ อีกมาก อาทิเช่น การเปรียบเทียบทางตรรกศาสตร์ การรับส่งข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลในตัวเครื่องและสามารถประมวลผลจากข้อมูลต่างๆ ได้
——————————————————————————–
คอมพิวเตอร์จึงเป็นเครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ทำงานแทนมนุษย์ ในด้านการคิดคำนวณและสามารถจำข้อมูล ทั้งตัวเลขและตัวอักษรได้เพื่อการเรียกใช้งานในครั้งต่อไป นอกจากนี้ ยังสามารถจัดการกับสัญลักษณ์ได้ด้วยความเร็วสูง โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของโปรแกรม คอมพิวเตอร์ยังมีความสามารถในด้านต่างๆ อีกมาก อาทิเช่น การเปรียบเทียบทางตรรกศาสตร์ การรับส่งข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลในตัวเครื่องและสามารถประมวลผลจากข้อมูลต่างๆ ได้
คอมพิวเตอร์จึงเป็นเครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ทำงานแทนมนุษย์ ในด้านการคิดคำนวณและสามารถจำข้อมูล ทั้งตัวเลขและตัวอักษรได้เพื่อการเรียกใช้งานในครั้งต่อไป นอกจากนี้ ยังสามารถจัดการกับสัญลักษณ์ได้ด้วยความเร็วสูง โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของโปรแกรม คอมพิวเตอร์ยังมีความสามารถในด้านต่างๆ อีกมาก อาทิเช่น การเปรียบเทียบทางตรรกศาสตร์ การรับส่งข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลในตัวเครื่องและสามารถประมวลผลจากข้อมูลต่างๆ ได้
ตอบกลับ
1 สามารถบันทึกข้อความต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
2 สามารถเก็บข้อมูลจํานวนมากๆได้
3 สามารถนําข้อมูลที่เก็บไว้มาคํานวนทางสถิติ 11 การใช้คอมพิวเตอร์นันทนาการ
4 สามารถส่งข้อมูลที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง 12การใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับเทคโนโลยี
5 สามารถเก็บเอกสารต่างๆได้
6 การนํามาใชงานทางด้านศึกศาและวิจัย
7 การใช้งานธุรกิจ
8 การควบคมระบบอัติโนมัติ
9 การใช้เพื่อวิเคราะต่างๆ
10 การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อจําลองรุปเเบบต่างๆ
ตอบกลับ
คอมพิวเตอร์ใช้ในการทำงานใช้ได้หลายรูปแบบมีทั้งประโยชน์ทั้งโทษทำให้รู้เรื่องจากโลกภายนอกทันต่อเหตุกานณ์ทำให้ใช้เชื่อมต่อจากโลกอินเตอร์เน็ตคอมเข้ามีบทบาทที่สำคัญต่อสังคมมนุษย์
ความหมายของคอมพิวเตอร์คือ เป็นการจัดเก็บข้อมูลต่างๆหรือการร่วบรวมข้อมูลหรือเป็นการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันก็ได้
ปัจจุบันจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะหลากหลายรูปแบบทั้งขนาดพกพาและคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะคอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้ว คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ เช่น คอมพิวเตอร์เมนร์ฟอม หรือซุปเปอร์คอมพิวเตอร์
1. สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆได้รวดเร็ว เช่นการไช้เคื่องอ่านรหัสแท่ง(Bar-code)
2. สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆไว้ในฐานข้อมูล(Database)
3. สามานำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณทางสถิติ
4. สามาส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่ารวดเร็ว
5. สามารถจัดทำเอกสารต่างๆได้อย่างรวดเร็วด่วยระบบประมวลผลคำ
6.การนำมาใช้ทั้งด้านศึกษาและการวิจัย
7.การใช้ธุรกิจการเงินธนาคาร
ปัจจุบัน จะพบว่าคอมพิวเตอร์หลากหลายรูปแบบหลากหลายลักษณะ ทัังคอมพิวเตอรืขนาดพกพา คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะคอมพิวเติร์แบบกระเป๋าหิ้ว และคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่คอมพิวเตอร์มีความหมายที่ชัดเจน คือ การคำนวณในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถรับข้อมูล และคำส่งผ่านอุปกรณ์รบข้อมูลแล้วนำข้อมูลและคำสั่งนั้นไปประมวลผลด้วยหน่วยประมวลผลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
ปัจจุบันจะพบว่าคอมพิวเตอร์ จะมีหลากหลายรูปแบบ หลากหลายลักษณะ ทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะคอมพิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้ว และคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตามคอมพิวเตอร์ก็มีความหมายที่ชัดเจนคือ คือ คำนวณในรูปของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถรับข้อมูล และคำสั่งผ่านอุปกรณ์รับข้อมูลแล้วนำข้อมูลและคำสั่งนั้น ไปประมวลด้วยหน่วยประมวลผล
1 สามารถบันทึกข้อความต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
2 สามารถเก็บข้อมูลจํานวนมากๆได้
3 สามารถนําข้อมูลที่เก็บไว้มาคํานวนทางสถิติ 11 การใช้คอมพิวเตอร์นันทนาการ
4 สามารถส่งข้อมูลที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง 12การใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับเทคโนโลยี
5 สามารถเก็บเอกสารต่างๆได้
6 การนํามาใชงานทางด้านศึกศาและวิจัย
7 การใช้งานธุรกิจ
8 การควบคมระบบอัติโนมัติ
9 การใช้เพื่อวิเคราะต่างๆ
10 การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อจําลองรุปเเบบต่างๆ
ปัจจุบัน พบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะ หลากหลายรูปแบบ ทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้ว คอมพิวเตอร์ขนาดไหญ่
คอมพิวเตอร์คือ เครื่องรับข้อมูล เป็นการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ และการรวบรวมข้มูลในชีวิตประจำวัน
คอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะ ทั้งคอมพิวเตอร์พกพา เช่น คอมพิวเตอร์เมนฟรูม
ความหมายที่ชัดเจนตัวมันเองคือเครื่องคํานวณในรูปเเบบของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
คอมพิวเตอร์คือ เครื่องคำนวน ในรูปของอุปกร์ณอิเล็กทรนิกส์ ที่สามารถรับข้อมูลและคำสั่งผ่านอุปกรณ์รับข้อมูล
คอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะ ทั้งคอมพิวเตอร์พกพา คอมพิวเตอร์เมนฟรูม
คอมพิวเตอร์ คือ เครื่องรับข้อมูลต่างๆ และการใช้งานต่างๆเพื่อให้เด็กๆรับความรู้ข่าวสารต่างๆ และมีประโยชน์ต่อมนุษย์อีกต้องมากมาย แต่ก็มีข้อเสียอีกด้วย เช่น เด็กวัยรุ่นจะเข้าเล่นเกมส์ และเข่าแชทคุยกับ หนุ่มๆ สาวๆ ส่วนมากที่จะมีการเสี่ยงอันตราย ต่อสาวๆ
เครื่อง พิมพ์เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อทำหน้าที่ในการแปลผลลัพธ์
การจัดแบ่งประเภทเครื่องคอมพิวเตอร์อาจจะแบ่งได้หลายกรณีด้วยกันแต่ในที่นี้จะอาศัย
เครื่อง พิมพ์เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์
ปัจุบันจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลามหลายลักษณะหลากหลายรูปแบบทั้งแบบพกพาแบบตั้งโต๊ะแต่ไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ตามคอมพิวเตอร์ก็รับข้อมูล และคำสั่งได้อย่าเดิม
คอมพิวเตอร์คือ เครื่องคำนวน ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถรับข้อมูล และคำสั่งผ่านอุปกรณ์รับข้อมูล
คอมพิวเตอร์คือ คอมพิวเตอร์มีหลายลักษณะ หลายแบบเช่นแบบพกพา แบบตั้งโต๊ะ แบบกระหิ้ว คอมพิวเตอร์ก็มีความหมายที่ชัดเจน
มี5ยุคคือ
1.(พ.ศ.2497-2501)ไช้หลอดสูญญากาศ
2.(พ.ศ.2502-2507)ไช้ทรานซีสเตอร์
3.(พ.ศ.2508-2513)ไช้วงจรไอซี
4.(พ.ศ.2514-2523)ไช้วงจรLSI
5.(พ.ศ.2524- ปัจจุบัน)ไช้วงจรVLSI
คอมพิวเตอร์ใช้งานที่พบได้อย่างแพร่หลาย
ใช้กระแสไฟฟ้าจํานวนมากทําให้เครื่องมีความร้อนสูง
คอมพิวเตอร์ในยุกนี้ใช้หลอดสูญญากาศ
คอมพิวเตอร์ ในคุคที่1นี้ใช้หลอดสูญญากาศ ในยุคที่2นี้ใช้ทรานชิสเตอร์ ในยุคที่3 นี้ใช้วงจรไอซี ในยุคที่4ใช้วงจรLSI
ยุคที่1 (พ.ศ.)2497-2501)ยุคนี้ใช้หลอดดูดอากาศ(vacuumtube)
ยุคที่2(พ.ศ.2502-2507)ยุคนี้ใช้ทรานซิสเตอร็์(transistor)
ยุคที่3(พ.ศ.2514-2523) ยุคนี้ใช้วงจรไอซี(intagratb circuit)
ยุคที่4(พ.ศ.2514-2523)ยุคนี้ใช้วงจรlsi(large-scale integrateb ciruit)
ยุคที่5(พ.ศ.2524ปัจจุบัน)ยุคนี้ใช้วงจรvlst(verlarge-
คอมพิวเตอร์ ยุคที่ 1 ( พ.ศ. 2497 – 2501 ) คอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 ใช้หลอดสูญญากาศ (vacuum tube ) ใช้กระแสไฟฟ้า ยุคที่2 ( พ.ศ. 2502 – 2507 )ใช้ทรานซิสเตอร์ ใช้วงแหวนแม่เหล็ก ยุคที่ 3 ( พ. ศ.2508 – 2513 )ใช้วงจรไอซี ยุคที่ 4 (2514 – 2532) ใช้วงจร (LsI ) ใช้วงจรไอซี ยุคที่ 5 (2524 ปัจจุบัน) ใช้วงจร VLSI ไมโครโปรเซลเซอร์
ปัจจุบันจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะเช่นคอมพิวเตอร์ขนาคพกพาคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะคอมพิวเตอร์แบบหิ้วกระเป๋า
คอมพิวเตอร์มีกี่ยุคใช้อะไรในการทำงาน
ยุคที่ 1.(พ.ศ.2497-2501)ยุคนี้ใช้หลอดสูญอากาศเป็นวงจรอิเล็กทรนิกส์
ยุคที่ 2.(พ.ศ.2502-2507)ยุคนี้ใช้ทรานซิสเตอร์เป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์
ยุคที่ 3.(พ.ศ.2508-2513)ยุคนี้ใช้วงจรไอซีเป็นกึ่งตัวนำที่สามารถบรรจุวงจรทางกรรตะไว้
ยุคที่ 4.(พ.ศ.2514-2534)ยุคนี้ใช้วงจร lsi เป็นการรวมวงจรไอซีจำนวนมาก
ยุคที่ 5.(2524-) ปัจจุบันใช้วงจร vlst
คอมพิวเตอร์มีกี่ยุคและใช้อะไรในการทำงาน
ยุคที่ 1 (พ.ศ. 2497- 2501)
ยุคนี้ใช้หลอดสูญอากาศ
ยุคที่ 2(พ.ศ. 2502- 2507)
ยุคนี้ใช้ทรานซิลเตอร์
ยุคที่ 3(พ.ศ.2503- 2513 )
ยุคนี้ใช้วงจรไรไอซี
ยุคที่ 4 (พ.ศ. 2514 -2523 )
ยูคนี้ใช้วงจรlsI
ยุคที่5(พศ.2524-ปัจจุบัน
ยุคนี้ใช้vlsI.
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
1. พกพาอย่างสะดวกและรวดเร็วหรือไม่ยุ่งยาก
2. การใช้งานธุรกิจการใช้วิเคราะห์
3. สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมาก
4. การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อจำลองรูปแบบต่างๆ
อุปกรณ์บันทึกข้อมูลสำรอง
อุปกรณ์ที่สงขอความได้ทั่วโลก
1.ได้ศึกษาหาความรู้
2.ได้รู้ว่าการศึกษาเป็นอยางไร
3.การเล่นคอมก็มีความรู้
1.คอมพิวเตอร์มีหลายชนิด ชนิดตั้งโต้ะและชนิดอื่นๆ
2.สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ
3.การใช้คอมพิวเตอร์จำลองรูปแบบต่างๆ
4.สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆได้
1.คอมพิวเตอร์มีหลายชนิด ชนิดตั้งโต้ะและชนิดอื่นๆ
2.สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ
3.การใช้คอมพิวเตอร์จำลองรูปแบบต่างๆ
อุปกรณ์ทีสงขอความได้ทัว้โลก
การใข้งานธุรกิจ งานการเงิน และ ธนาคาร
1.สามารถบัญทึกข้อมูลต่างๆได้
2.การเอาคอมไปใช้ในประโยชน์ประจำวัน
การควบคุมระบบอัตโนมัติตางๆ
ปัจจุบัน จะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลายลักษณะ หลากหลายรูปแบบ ทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้ว เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่เช่นคอมพิวเตอร์แมนเฟรม หรือซุปเปอร์คอม
พิวเตอร์ แต่ไม่ว่าจะเป้นแบบใดก็ตามคอมพิวเตอร์ก็มีความหมายที่ชัดเจนในตัวของมันเอง
1.ได้รู้เรื่องที่อยากรู้
2.พบไปไหนก็สดวกสบาย
3.ได้รู้เรื่องวิชาการ
4.ใช้งานได้ดี
การใช้เเบบธุรกิจ
1.ใช้ในการทำธุรกิจต่างๆ
1.การบันทึกข้อมูลต่างๆ
ให้นักเรียนบอกลักษณะและประเภทของคอมพิวเตอร์
ปัจจุบัน จะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะ หลากหลายรูปแบบ ทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้ว คอมพิวเตอร์ขนาดไหญ่
คอมพิวเตอร์คืออะไร
เครื่องจัดเก็บข้อมูลและรวบรวมข้อมูลต่างๆในชีวิตประจำวัน
คอมพิวเตอร์คือ เครืองคำนวน ในรูปแบบอิเล็กทรนิกส์ ที่สามารถรับข้อมูลและคำสั่งผ่านอุปกรณ์รับข้อมูล
ความหมายของคอมพิวเตอร์คือ
เครื่องจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว สามารถจำแนกข้อมูลได้อย่างดี สามารถส่งข้อมูลที่หนึ่งไปยั้งอีกที่หนึ่ง และทำได้อีกมากมาย
คอมพิวเตอร์คือ เครื่องคำนวน ในรูปแบบของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถรับข้อมูล และคำสั่ง ผ่านอุปกรณ์รับข้อมูล
ปัจจุบันจะพบคอมพิวเตอร์มีหลายลักษณะหลายรูปแบบทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา
ปัจจุบันจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณ์ทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา
คอมพิวเตอร์คือ เราจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลายรูปแบบ หลายลักษณะ ในรูปของอุปกรณ์
อิเล็กทรอนิก์ส ที่สามารถรับข้อมูล และคำสั่ง ผ่านอุปกรณ์รับข้อมูล
ปัจจุบัน จะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะหลากหลายรูปแบบทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้ว คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่
คอมพิวเตอร์คือ ปัจจุบัน จะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลายลักษณะ หลายรูปแบบ
มี4ประเภทได้แก่
1.Super computar
2.Mainfrane computar
3.Mini computar
4.Micro computar
การจัดแบ่งประเภทเครื่องคอมพิวเตอร์ได้หลายด้วยกันสามารถแบ่งได้4ประเภท
Super computer
Maintramputter
Min computer
Microcomptter
คอมพิวเตอร์มี 4ประเภท
1super computer
2.Mainfr ame compater
3.Mini compater
4.MiVcro compater
มี4ประเภทได้แก่
1.Super computar
2.Mainframe computar
3.Mini computar
4.Micra computar
คอมพิวเตอร์มี 4 ประเภท คือ
1.super computer
2.mninframer computer
3.mimi comuter
4.micro comuter
การจัดแบ่งประเถทเครื่องคอมพิวเตอร์อาจจะแบ่งได้หลายกรณีด้วยกันแบ่งได้4ประเภทได้แก่
1 SUPERGOMPUTER
2 MAINFRAMEGOMPUFER
3 MINI GOMPUT ER
4MICROGOMPUTER
คอมพิวเตอร์มี 4ประเภท 1super computer 2mainframe computer 3mini computer 4micro co mputer
คอมพิวเตอร์มี ๔ ประเภท คือ 1.super computer 2.minframe coputer 3. mini coputer 4.micro computer
คำว่า E-mail (อีเมล์) หมายถึง จดหมายอิเลคทรอนิกส์ที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันในอินเตอร์เน็ต ซึ่งก่อนที่คุณจะมีอีเมล์ใช้นั้นคุณจะต้องมี E-mail Address (ที่อยู่อีเมล์)ของตัวเองเสียก่อน ถ้าคุณใช้บริการอินเตอร์เน็ตโดยการสมัครเป็นสมาชิกโดยตรงกับ ISP (ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต)
คุณก็จะได้รับแจ้งที่อยู่อีเมล์ของตัวเองตั้งแต่สมัครสมาชิกเลยแต่ถ้า ISP ไม่ได้ให้มานักเรียน ก็สามารถมีที่อยู่อีเมล์ได้โดยขอได้ฟรีจากผู้ให้บริการอีเมล์ในอินเตอร์เน็ตทั้งที่ฟรีและไม่ฟรี
คอมพิวเตอร์คือ เราจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลายรูปแบบ หลายลักษณะ ในรูปของอุปกรณ์
อิเล็กทรอนิก์ส ที่สามารถรับข้อมูล และคำสั่ง ผ่านอุปกรณ์รับข้อมูล
คอมพิวเตอร์มี4ประเภทคือ
1.Super computar
2.Mainframe computar
3.Mini computar
4.Micra computar
ความหมายของอีเมล์ และส่วนประกอบของอีเมล์
คำว่า E-mail (อีเมล์) หมายถึง จดหมายอิเลคทรอนิกส์ที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันในอินเตอร์เน็ต ซึ่งก่อนที่คุณจะมีอีเมล์ใช้นั้นคุณจะต้องมี E-mail Address (ที่อยู่อีเมล์)ของตัวเองเสียก่อน ถ้าคุณใช้บริการอินเตอร์เน็ตโดยการสมัครเป็นสมาชิกโดยตรงกับ ISP (ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต)
คุณก็จะได้รับแจ้งที่อยู่อีเมล์ของตัวเองตั้งแต่สมัครสมาชิกเลยแต่ถ้า ISP ไม่ได้ให้มานักเรียน ก็สามารถมีที่อยู่อีเมล์ได้โดยขอได้ฟรีจากผู้ให้บริการอีเมล์ในอินเตอร์เน็ตทั้งที่ฟรีและไม่ฟรี
คำว่า E-mail (อีเมล์) หมายถึง จดหมายอิเลคทรอนิกส์ที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันในอินเตอร์เน็ต ซึ่งก่อนที่คุณจะมีอีเมล์ใช้นั้นคุณจะต้องมี E-mail Address (ที่อยู่อีเมล์)ของตัวเองเสียก่อน ถ้าคุณใช้บริการอินเตอร์เน็ตโดยการสมัครเป็นสมาชิกโดยตรงกับ ISP (ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต)
คุณก็จะได้รับแจ้งที่อยู่อีเมล์ของตัวเองตั้งแต่สมัครสมาชิกเลยแต่ถ้า ISP ไม่ได้ให้มานักเรียน ก็สามารถมีที่อยู่อีเมล์ได้โดยขอได้ฟรีจากผู้ให้บริการอีเมล์ในอินเตอร์เน็ตทั้งที่ฟรีและไม่ฟรีค่ะ
(หมายถึงระบบที่ใช้กระดาษในการเขียนจดหมาย) กล่าวคือในระบบไปรษณีย์ปกติมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการรับส่งจดหมายคือเป็นบรุษไปรษณีย์ (ในกรณีของประเทศไทยคือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย) ถ้าเป็นในอินเตอร์เน็ตสิ่งที่ทำหน้าที่คอยรับส่งจดหมายคือบรรดาคอมพิวเตอร์ทั้งหลายที่ทำหน้าที่เป็น E-mail Server (คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ให้บริการด้านจดหมายอิเล็กทรอนิคส์) ดังนั้นถ้าท่านต้องการใช้ E-mail สิ่งแรกที่ท่านต้องทำคือไปสมัครเป็นสมาชิกหรือไปทำการลงทะเบียนกับอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ จะเป็นเซิร์ฟเวอร์ใดก็ได้ บรรดาอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ทั้งหลายนี้สามารถจัดแบ่งออกได้เป็นสามประเภทดังนี้
อีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของหน่วยงานที่ท่านทำการศึกษาอยู่หรือทำงานอยู่ เช่น นิสิต อาจารย์ ข้าราชการ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็สามารถลงทะเบียนหรือสมัครเป็นสมาชิกได้กับคอมพิวเตอร์ที่เป็นอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของจุฬา ฯ ได้
อีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของ ISP ( Interner Service Provider – หน่วยงานที่ให้บริการอินเตอร์เน็ต ) เช่น KSC เป็นต้น ท่านสามารถสมัครหรือลงทะเบียนกับหน่วยงานประเภทนี้ได้ แต่ต้องเสียค่าสมาชิกให้แก่หน่วยงานประเภทนี้ด้วย
อีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของหน่วยงานที่ให้บริการฟรี เป็นบริการฟรีที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปลงทะเบียนหรือสมัครเป็นสมาชิกได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เช่น hotmail เป็นต้น
ภายหลังจากที่ท่านลงทะเบียนกับอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์แล้ว ท่านก็สามารถใช้อีเมลล์ได้ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเขียนจดหมาย ส่งจดหมาย และรับจดหมาย มีอยู่หลายตัวด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น pine, Netscape, Outlook เป็นต้น ท่านจะเลือกใช้ซอฟต์แวร์ตัวไหนก็ได้แล้วแต่ความชอบใจของตัวท่านเอง ท่านไม่จำเป็นต้องรู้วิธีใช้ซอฟต์แวร์ด้านอีเมลล์ทุกตัว ท่านรู้เพียงตัวเดียวก็พอ
ตัวจดหมายอิเลคทรอนิคส์แบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่คือ
Heading ส่วนนี้ใช้ระบุ E-mail address ของผู้รับจดหมาย และ Attachment (สิ่งที่ส่งมาด้วย)
Body ส่วนนี้เป็นส่วนที่เป็นเนื้อความจดหมาย
อีเมลล์แอดเดรส์ของผู้รับจดหมายประกอบด้วยสองส่วนคือ ส่วนที่เป็นรหัสบัญชี( user account) ของผู้รับจดหมาย และส่วนที่เป็นชื่อของอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของผู้รับ ทั้งสองส่วนนี้ถูกคั่นด้วยเครื่องหมาย @ ตัวอย่าง E-mail address
vapisit@pioneer.chula.ac.th รหัสบัญชีคือ vapisit และอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์คือ pioneer.chula.ac.th
kpeter@yahoo.com รหัสบัญชีคือ kpeter และอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์คือ yahoo.com
attachment (สิ่งที่ส่งมากับอีเมล์)อาจเป็นไฟล์ประเภทไหนก็ได้ เช่น ไฟล์ที่เป็นข้อความล้วน ๆ (text) ไฟล์ที่ข้อมูลรูปภาพ กล่าวคือเป็นสื่ออะไรก็ได้
ประโยชน์ที่ท่านที่เป็นผู้ใช้อีเมลล์จะได้รับมีดังนี้
ท่านสามารถส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เมื่อไรก็ได้ตามที่ท่านต้องการ จะเป็นกลางคืนหรือกลางวันก็ได้
จดหมายจะถึงมือผู้รับภายในเวลาอันรวดเร็ว อาจภายในไม่กี่นาที หรือภายในไม่กี่ชั่วโมง ไม่ว่าผู้รับจดหมายนั้นจะอยู่ใกล้หรือไกล
ผู้รับจดหมายก็สามารถรับและเปิดอ่านจดหมายได้เมื่อไรก็ได้ตามที่เขาต้องการ
ท่านสามารถส่งจดหมายไปยังผู้รับคนเดียว หลายคน หรือจำนวนมากเป็นร้อยคน เป็นพันคนได้ ซอฟต์แวร์ของอีเมล์ส่วนใหญ่จะมีวิธีช่วยให้ท่านเก็บรายชื่อพร้อมทั้งอีเมลล์แอดเดรสของผู้ที่ท่านต้องการส่งจดหมายไปหา และช่วยจัดเป็นกลุ่มด้วย ถ้าท่านส่งจดหมายไปยังกลุ่มก็หมายความว่าทุกคนในกลุ่มก็ได้รับจดหมายนั้น
ท่านสามารถเก็บจดหมายที่ได้รับ(จากเพื่อน ผู้ร่วมงาน หรือหัวหน้า)บางฉบับไว้ได้ ถ้าท่านเห็นว่าจดหมายนั้นมีความสำคัญ เช่น ไว้เตือนความจำว่ามีงานอะไรต้องทำ หรือ ได้ตกลงเรื่องอะไรไว้กับใครบ้าง
ปัญหาที่ท่านอาจพบในการใช้อีเมลล์
จดหมายหาย ปัญหานี้อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความผิดพลาดของคน ความผิดพลาดของซอฟต์แวร์ ความล้มเหลวของฮาร์ดแวร์ เป็นต้น
จดหมายส่งไปผิด คือไปยังผู้รับผิดคน ปัญหานี้อาจเกิดการที่ระบุอีเมลล์แอดเดรสของผู้รับผิด
การปลอมจดหมาย
คำว่า E-mail (อีเมล์) หมายถึง จดหมายอิเลคทรอนิกส์ที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันในอินเตอร์เน็ต ซึ่งก่อนที่คุณจะมีอีเมล์ใช้นั้นคุณจะต้องมี E-mail Address (ที่อยู่อีเมล์)ของตัวเองเสียก่อน ถ้าคุณใช้บริการอินเตอร์เน็ตโดยการสมัครเป็นสมาชิกโดยตรงกับ ISP (ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต)
คุณก็จะได้รับแจ้งที่อยู่อีเมล์ของตัวเองตั้งแต่สมัครสมาชิกเลยแต่ถ้า ISP ไม่ได้ให้มานักเรียน ก็สามารถมีที่อยู่อีเมล์ได้โดยขอได้ฟรีจากผู้ให้บริการอีเมล์ในอินเตอร์เน็ตทั้งที่ฟรีและไม่ฟรี
ทางที่ดีควนจะทำฟรีนะค่ะ
หมายถึงระบบที่ใช้กระดาษในการเขียนจดหมาย) กล่าวคือในระบบไปรษณีย์ปกติมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการรับส่งจดหมายคือเป็นบรุษไปรษณีย์ (ในกรณีของประเทศไทยคือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย) ถ้าเป็นในอินเตอร์เน็ตสิ่งที่ทำหน้าที่คอยรับส่งจดหมายคือบรรดาคอมพิวเตอร์ทั้งหลายที่ทำหน้าที่เป็น E-mail Server (คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ให้บริการด้านจดหมายอิเล็กทรอนิคส์) ดังนั้นถ้าท่านต้องการใช้ E-mail สิ่งแรกที่ท่านต้องทำคือไปสมัครเป็นสมาชิกหรือไปทำการลงทะเบียนกับอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ จะเป็นเซิร์ฟเวอร์ใดก็ได้ บรรดาอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ทั้งหลายนี้สามารถจัดแบ่งออกได้เป็นสามประเภทดังนี้
อีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของหน่วยงานที่ท่านทำการศึกษาอยู่หรือทำงานอยู่ เช่น นิสิต อาจารย์ ข้าราชการ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็สามารถลงทะเบียนหรือสมัครเป็นสมาชิกได้กับคอมพิวเตอร์ที่เป็นอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของจุฬา ฯ ได้
อีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของ ISP ( Interner Service Provider – หน่วยงานที่ให้บริการอินเตอร์เน็ต ) เช่น KSC เป็นต้น ท่านสามารถสมัครหรือลงทะเบียนกับหน่วยงานประเภทนี้ได้ แต่ต้องเสียค่าสมาชิกให้แก่หน่วยงานประเภทนี้ด้วย
อีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของหน่วยงานที่ให้บริการฟรี เป็นบริการฟรีที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปลงทะเบียนหรือสมัครเป็นสมาชิกได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เช่น hotmail เป็นต้น
ภายหลังจากที่ท่านลงทะเบียนกับอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์แล้ว ท่านก็สามารถใช้อีเมลล์ได้ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเขียนจดหมาย ส่งจดหมาย และรับจดหมาย มีอยู่หลายตัวด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น pine, Netscape, Outlook เป็นต้น ท่านจะเลือกใช้ซอฟต์แวร์ตัวไหนก็ได้แล้วแต่ความชอบใจของตัวท่านเอง ท่านไม่จำเป็นต้องรู้วิธีใช้ซอฟต์แวร์ด้านอีเมลล์ทุกตัว ท่านรู้เพียงตัวเดียวก็พอ
ตัวจดหมายอิเลคทรอนิคส์แบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่คือ
Heading ส่วนนี้ใช้ระบุ E-mail address ของผู้รับจดหมาย และ Attachment (สิ่งที่ส่งมาด้วย)
Body ส่วนนี้เป็นส่วนที่เป็นเนื้อความจดหมาย
อีเมลล์แอดเดรส์ของผู้รับจดหมายประกอบด้วยสองส่วนคือ ส่วนที่เป็นรหัสบัญชี( user account) ของผู้รับจดหมาย และส่วนที่เป็นชื่อของอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของผู้รับ ทั้งสองส่วนนี้ถูกคั่นด้วยเครื่องหมาย @ ตัวอย่าง E-mail address
vapisit@pioneer.chula.ac.th รหัสบัญชีคือ vapisit และอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์คือ pioneer.chula.ac.th
kpeter@yahoo.com รหัสบัญชีคือ kpeter และอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์คือ yahoo.com
attachment (สิ่งที่ส่งมากับอีเมล์)อาจเป็นไฟล์ประเภทไหนก็ได้ เช่น ไฟล์ที่เป็นข้อความล้วน ๆ (text) ไฟล์ที่ข้อมูลรูปภาพ กล่าวคือเป็นสื่ออะไรก็ได้
ประโยชน์ที่ท่านที่เป็นผู้ใช้อีเมลล์จะได้รับมีดังนี้
ท่านสามารถส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เมื่อไรก็ได้ตามที่ท่านต้องการ จะเป็นกลางคืนหรือกลางวันก็ได้
จดหมายจะถึงมือผู้รับภายในเวลาอันรวดเร็ว อาจภายในไม่กี่นาที หรือภายในไม่กี่ชั่วโมง ไม่ว่าผู้รับจดหมายนั้นจะอยู่ใกล้หรือไกล
ผู้รับจดหมายก็สามารถรับและเปิดอ่านจดหมายได้เมื่อไรก็ได้ตามที่เขาต้องการ
ท่านสามารถส่งจดหมายไปยังผู้รับคนเดียว หลายคน หรือจำนวนมากเป็นร้อยคน เป็นพันคนได้ ซอฟต์แวร์ของอีเมล์ส่วนใหญ่จะมีวิธีช่วยให้ท่านเก็บรายชื่อพร้อมทั้งอีเมลล์แอดเดรสของผู้ที่ท่านต้องการส่งจดหมายไปหา และช่วยจัดเป็นกลุ่มด้วย ถ้าท่านส่งจดหมายไปยังกลุ่มก็หมายความว่าทุกคนในกลุ่มก็ได้รับจดหมายนั้น
ท่านสามารถเก็บจดหมายที่ได้รับ(จากเพื่อน ผู้ร่วมงาน หรือหัวหน้า)บางฉบับไว้ได้ ถ้าท่านเห็นว่าจดหมายนั้นมีความสำคัญ เช่น ไว้เตือนความจำว่ามีงานอะไรต้องทำ หรือ ได้ตกลงเรื่องอะไรไว้กับใครบ้าง
ปัญหาที่ท่านอาจพบในการใช้อีเมลล์
จดหมายหาย ปัญหานี้อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความผิดพลาดของคน ความผิดพลาดของซอฟต์แวร์ ความล้มเหลวของฮาร์ดแวร์ เป็นต้น
จดหมายส่งไปผิด คือไปยังผู้รับผิดคน ปัญหานี้อาจเกิดการที่ระบุอีเมลล์แอดเดรสของผู้รับผิด
การปลอมจดหมาย
คำว่า E-mail (อีเมล์) หมายถึง จดหมายอิเลคทรอนิกส์ที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันในอินเตอร์เน็ต ซึ่งก่อนที่คุณจะมีอีเมล์ใช้นั้นคุณจะต้องมี E-mail Address (ที่อยู่อีเมล์)ของตัวเองเสียก่อน ถ้าคุณใช้บริการอินเตอร์เน็ตโดยการสมัครเป็นสมาชิกโดยตรงกับ ISP (ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต)
คุณก็จะได้รับแจ้งที่อยู่อีเมล์ของตัวเองตั้งแต่สมัครสมาชิกเลยแต่ถ้า ISP ไม่ได้ให้มานักเรียน
คำว่า E-mail (อีเมล์) หมายถึง จดหมายอิเลคทรอนิกส์ที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันในอินเตอร์เน็ต ซึ่งก่อนที่คุณจะมีอีเมล์ใช้นั้นคุณจะต้องมี E-mail Address (ที่อยู่อีเมล์)ของตัวเองเสียก่อน ถ้าคุณใช้บริการอินเตอร์เน็ตโดยการสมัครเป็นสมาชิกโดยตรงกับ ISP (ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต)
หมายถึงระบบที่ใช้กระดาษในการเขียนจดหมาย) กล่าวคือในระบบไปรษณีย์ปกติมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการรับส่งจดหมายคือเป็นบรุษไปรษณีย์ (ในกรณีของประเทศไทยคือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย) ถ้าเป็นในอินเตอร์เน็ตสิ่งที่ทำหน้าที่คอยรับส่งจดหมายคือบรรดาคอมพิวเตอร์ทั้งหลายที่ทำหน้าที่เป็น E-mail Server (คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ให้บริการด้านจดหมายอิเล็กทรอนิคส์) ดังนั้นถ้าท่านต้องการใช้ E-mail สิ่งแรกที่ท่านต้องทำคือไปสมัครเป็นสมาชิกหรือไปทำการลงทะเบียนกับอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ จะเป็นเซิร์ฟเวอร์ใดก็ได้ บรรดาอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ทั้งหลายนี้สามารถจัดแบ่งออกได้เป็นสามประเภทดังนี้
อีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของหน่วยงานที่ท่านทำการศึกษาอยู่หรือทำงานอยู่ เช่น นิสิต อาจารย์ ข้าราชการ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็สามารถลงทะเบียนหรือสมัครเป็นสมาชิกได้กับคอมพิวเตอร์ที่เป็นอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของจุฬา ฯ ได้
อีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของ ISP ( Interner Service Provider – หน่วยงานที่ให้บริการอินเตอร์เน็ต ) เช่น KSC เป็นต้น ท่านสามารถสมัครหรือลงทะเบียนกับหน่วยงานประเภทนี้ได้ แต่ต้องเสียค่าสมาชิกให้แก่หน่วยงานประเภทนี้ด้วย
อีเมลล์เซิร์ฟเวอร์ของหน่วยงานที่ให้บริการฟรี เป็นบริการฟรีที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปลงทะเบียนหรือสมัครเป็นสมาชิกได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เช่น hotmail เป็นต้น
ภายหลังจากที่ท่านลงทะเบียนกับอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์แล้ว ท่านก็สามารถใช้อีเมลล์ได้ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเขียนจดหมาย ส่งจดหมาย และรับจดหมาย มีอยู่หลายตัวด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น pine, Netscape, Outlook เป็นต้น ท่านจะเลือกใช้ซอฟต์แวร์ตัวไหนก็ได้แล้วแต่ความชอบใจของตัวท่านเอง ท่านไม่จำเป็นต้องรู้วิธีใช้ซอฟต์แวร์ด้านอีเมลล์ทุกตัว ท่านรู้เพียงตัวเดียวก็พอ
คำว่า E-mail (อีเมล์) หมายถึง จดหมายอิเลคทรอนิกส์ที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันในอินเตอร์เน็ต ซึ่งก่อนที่คุณจะมีอีเมล์ใช้นั้นคุณจะต้องมี E-mail Address (ที่อยู่อีเมล์)ของตัวเองเสียก่อน ถ้าคุณใช้บริการอินเตอร์เน็ตโดยการสมัครเป็นสมาชิกโดยตรงกับ ISP (ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต)
คุณก็จะได้รับแจ้งที่อยู่อีเมล์ของตัวเองตั้งแต่สมัครสมาชิกเลยแต่ถ้า ISP ไม่ได้ให้มานักเรียน ก็สามารถมีที่อยู่อีเมล์ได้โดยขอได้ฟรีจากผู้ให้บริการอีเมล์ในอินเตอร์เน็ตทั้งที่ฟรีและไม่ฟรี
ครับ
คำว่า E-mail (อีเมล์) หมายถึง จดหมายอิเลคทรอนิกส์ที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันในอินเตอร์เน็ต ซึ่งก่อนที่คุณจะมีอีเมล์ใช้นั้นคุณจะต้องมี E-mail Address (ที่อยู่อีเมล์)ของตัวเองเสียก่อน ถ้าคุณใช้บริการอินเตอร์เน็ตโดยการสมัครเป็นสมาชิกโดยตรงกับ ISP (ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต)
ตอบกลับ
คำว่า E-mail (อีเมล์) หมายถึง จดหมายอิเลคทรอนิกส์ที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันในอินเตอร์เน็ต ซึ่งก่อนที่คุณจะมีอีเมล์ใช้นั้นคุณจะต้องมี E-mail Address (ที่อยู่อีเมล์)ของตัวเองเสียก่อน ถ้าคุณใช้บริการอินเตอร์เน็ตโดยการสมัครเป็นสมาชิกโดยตรงกับ ISP
หมายถึงระบบที่ใช้กระดาษในการเขียนจดหมาย) กล่าวคือในระบบไปรษณีย์ปกติมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการรับส่งจดหมายคือเป็นบรุษไปรษณีย์ (ในกรณีของประเทศไทยคือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย) ถ้าเป็นในอินเตอร์เน็ตสิ่งที่ทำหน้าที่คอยรับส่งจดหมายคือบรรดาคอมพิวเตอร์ทั้งหลายที่ทำหน้าที่เป็น E-mail Server (คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ให้บริการด้านจดหมายอิเล็กทรอนิคส์) ดังนั้นถ้าท่านต้องการใช้ E-mail สิ่งแรกที่ท่านต้องทำคือไปสมัครเป็นสมาชิกหรือไปทำการลงทะเบียนกับอีเมลล์เซิร์ฟเวอร์